ลุ้น "วัคซีน" กู้วิกฤติ! ดึงต่างชาติ-ไม่ต้องกักตัว ปลุกท่องเที่ยว ฟื้นครึ่งปีหลัง

• "วัคซีนต้านโควิดฯ" ความหวังฟื้นวิกฤติท่องที่ยวไทย
• ชงฉีด "วัคซีน" 5 จังหวัด ดันเปิดประเทศ ดึง นทท.ต่างชาติ-ไม่ต้องกักตัว
• ลุ้น "วัคซีน" ปลุกท่องเที่ยวฟื้น ช่วงครึ่งปีหลัง  

จากผลกระทบวิกฤติ "โควิด-19" ทำให้ตลาดท่องเที่ยวไทยซบเซาอย่างหนัก และสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาล เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ผ่านมาแล้ว 1 ปีเต็ม ที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ จนต้อง "หยุดธุรกิจ" จนรายได้กลายเป็น "ศูนย์" แม้ว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 63 รัฐบาลจะพยายามเปิดรับต่างชาติเข้ามา แต่ยังติดตรงข้อกำหนดต่างๆ ที่เอื้อเฉพาะกลุ่มที่มีความจำเป็นในการเดินทางเป็นหลัก ส่วน "กลุ่มนักท่องเที่ยว" ยังถือไม่เข้าข่าย เนื่องจากต้อง "กักตัว"

ล่าสุดรัฐบาลเร่งหาแนวทาง หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย โดยอาจให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนเเล้ว สามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้อง "กักตัว" ตามนโยบายสาธารณสุข

ก่อนหน้า "วัคซีนต้านโควิดฯ" สัญชาติจีนลอตแรก จะแลนดิ้งถึงไทยเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศ หรือ ททท.เคยประเมินไว้ว่า "วัคซีน" จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่าปี 64 นี้ จะมีการเดินทางเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 5-10 ล้านคน ภายหลังรัฐบาลเล็ง "ปลดล็อกประเทศ" ช่วงหลังสงกรานต์ หรือช่วงเดือน พ.ค.64 กลางปีนี้

ชงปูพรมฉีด 5 จังหวัด ท่องเที่ยวหลัก ดันเปิดประเทศ

โดย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้หารือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เกี่ยวกับการออกมาตรการ "วัคซีนพาสปอร์ต" ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามประกาศมาตรฐานกลางขององค์การอนามัยโลก เพื่อออกมาตรการให้สอดรับกับมาตรฐานของไทย โดยประเมินว่า หากปี 64 ไทยมีวัคซีนพาสปอร์ต หรือแนวทางที่สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกักตัว ก็จะทำให้ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน

ส่วนการจัดทำ Area Quarantine หรือการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ากักตัวที่โรงแรมเป็นเวลา 14 วันนั้น แบ่งเป็นอยู่เฉพาะในห้องพัก 3 วันแรก ส่วนอีก 11 วันถัดมา สามารถออกมาใช้ชีวิตนอกห้องพักได้นั้น ในการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ครั้งต่อไปจะพิจารณาเรื่องนี้ โดยประเมินว่า ชาติแรกที่อาจจะมาพัก Area Quarantine คือ "รัสเซีย" เนื่องจากมีบริษัทนำเที่ยวของรัสเซียแจ้งความประสงค์มาว่า มีความต้องการเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากรัสเซีย มาภูเก็ตวันละ 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 300-400 คน

นอกจากนี้ยังได้ทำแผนเสนอขอโควตาวัคซีนไปยังกระทรวงสาธารณสุข โดยลอตแรกขอไป 50,000 โดส เพื่อนำไปฉีดให้กับผู้ที่ทำงานในโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ 5 จังหวัดท่องเที่ยว คือ จ.ภูเก็ต จ.สุราษฎร์ธานี จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ และ จ.กระบี่ โดยจะเป็นการนำไปฉีดในกลุ่มโรงแรมที่ยื่นขอเป็นพื้นที่กักตัว ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมที่เป็น ALQ หรือ Alternative Local Quarantine จำนวน 58 แห่ง รวมกว่า 6,700 ห้องพัก รวมพนักงานโรงแรมกว่า 13,000 คน

ขอ 5 ล้านโดส ฉีดสร้างความเชื่อมั่น นทท.ต่างชาติ

ด้าน นภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเสริมว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มุ่งผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดฯ แก่คนในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลัก ซึ่งรับลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งวัคซีนเข้าไทยลอตแรก 2 แสนโดส กระทรวงท่องเที่ยวฯ ขอกันวัคซีนไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้พนักงานโรงแรมและบริการใน 4 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก จำนวน 5 หมื่นโดส ฉีดให้พนักงานโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นแอเรียควอรันทีน

ส่วนวัคซีนลอต 2 ที่จะมาไตรมาส 3 ขอให้กระทรวงสาธารณสุข ช่วยกันวัคซีน "5 ล้านโดส" สำหรับประชากร 2.5 ล้านคน ใน 5 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก นอกจากนี้ กระทรวงท่องเที่ยวฯ ยังเป็นเจ้าภาพ ตั้งคณะทำงานดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย โดยมีตัวแทนหลักจาก 5 หน่วยงาน คือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และภาคเอกชน

"หากประชากรใน 5 จังหวัด ท่องเที่ยวหลัก เข้าถึงวัคซีน 5 ล้านโดสในลอต 2 จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และประเทศต้นทางมีนโยบายให้เดินทางออกนอกประเทศได้ เข้ามาท่องเที่ยวและจับจ่ายใน 5 จังหวัดนี้ โดย "ไม่ต้องกักตัว" แต่ต้องได้รับการยินยอมจากชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ด้วย"

ดังนั้นการเร่งปูพรมฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ น่าจะช่วยให้มีการยอมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยว แบบไม่ต้องกักตัวได้ นี่คือแนวทางเป็นไปได้ที่จะเห็นการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเร็วที่สุดไตรมาส 4 แต่หากรอมาตรฐานกลาง วัคซีนพาสปอร์ต จาก WHO คาดต้องรอราวไตรมาส 2 ปี 2565

"วัคซีน" ความหวังฟื้นท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีหลัง

ดังนั้นรัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจน ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเปิดให้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วจากทั่วโลก สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ ที่ประกาศออกมาชัดเจนว่า ในอนาคตจะเปิดให้คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ อีกทั้งยังจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนให้คนในประเทศด้วยเช่นกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติ เลือกเดินทางเข้ามาในไทย จากแนวโน้มดังกล่าว จะทำให้ไทยมีโอกาสฟื้นการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลด้วยว่า จะมีความชัดเจน กับนโยบายมากน้อยแค่ไหน?

เรียบเรียงโดย : หงเหมิน

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun