• เปิดโปง ร.ท.หมอทหาร หลอกฉีดวัคซีนให้ทหารช่าง ที่ปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพที่ประเทศซูดาน
  • ตรวจสอบพบผิด ส่งตัวกลับ ตั้งกรรมการสอบ ก่อนหนีราชการซ้ำ เสนอปลดออกจากราชการ
  • หมอทหาร ผิดวินัยร้ายแรง สร้างความเสื่อมเสียให้กองทัพ ส่งศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับ

กลายเป็นประเด็นใหญ่เรื่องร้อนในกองทัพ เมื่อ "แพทย์ทหาร" ยศร้อยโท ฉ้อฉลหลอกทหารไทยด้วยกัน ที่ปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพที่ประเทศซูดาน โดยนำวัคซีนที่อ้างเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 มาฉีดให้กำลังพล 273 นาย พร้อมเก็บเงินคนละ 20 ดอลลาร์สหรัฐ สุดท้ายเป็นเพียงแค่น้ำเปล่า

เรื่องนี้แดงขึ้นมาเนื่องจากมีสื่อแห่งหนึ่งได้เผยแพร่เอกสารกองทัพในช่วงเดือนเมษายน 2563 ส่งถึงเลขาธิการแพทยสภาให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแพทย์ทหาร รวมทั้งได้รับรายงานขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ Transparency International ประจำประเทศอังกฤษ ที่ชื่อว่า THE UNSPOKEN COVID-19 VACCINE CHALLENGES - DISTRIBUTION AND CORRUPTION หรือความท้าทายของวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่เคยถูกพูดถึง กับปัญหาเรื่องการแจกจ่ายและการทุจริตให้สาธารณชนได้รับทราบ

...

จนนำไปสู่การตรวจสอบและแกะรอยเรื่องราวจนพบข้อมูลยืนยันเป็นทางการว่า "แพทย์ทหาร" คนดังกล่าวที่ถูกส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่โรงพยาบาลสนามในเซาท์ซูดาน ช่วงเดือนธันวาคม 62 - ธันวาคม 63 ที่ผ่านมา ก่อนที่นายทหารรายนี้จะถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่และจบภารกิจ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทางวินัยในคดีฉ้อโกงหลอกลวง

กองทัพ รับมีแพทย์ทหารไทยหลอกฉีดวัคซีนเพื่อหาผลประโยชน์

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 โดยแพทย์ทหารคนดังกล่าวอ้างอิงถึงวัคซีนที่ใช้สำหรับต้านเชื้อโควิด นำมาฉีดให้กำลังพลและเรียกเก็บค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐ โดยหลังได้มีการตรวจสอบจากคำร้องเรียนของกำลังพลที่ได้รับการฉีดที่อ้างว่าเป็นวัคซีนไปแล้ว ระบุถึงข้อพิรุธขวดบรรจุวัคซีนไม่ได้มีฉลากบอกรายละเอียด จึงได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งให้ผู้บังคับกองร้อยได้ทราบ

"ทหารช่างที่ได้รับการฉีด ตกใจเมื่อตรวจสอบพบว่า เป็นเพียงน้ำเปล่า แต่ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ทั้งนี้เมื่อทาง ผู้แทนสายงานแพทย์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทราบข่าว จึงได้แจ้งกลับมายังกองทัพไทย โดยขอความร่วมมือในการดูแลกำลังพล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก พร้อมส่งตัวแพทย์ทหารบกคนดังกล่าวกลับประเทศไทย เพื่อให้ต้นสังกัดดำเนินการสอบสวนอีกครั้ง"

ชี้ "หมอทหาร" ผิดวินัยร้ายแรง สร้างความเสื่อมเสียให้กองทัพ

การกระทำเช่นนี้ถือเป็นความผิดร้ายแรง และทำเรื่องส่งผลต่อภาพลักษณ์กองทัพไทย และนำความเสื่อมเสียมาให้ พล.อ.เฉลิมพล จึงต้องทำความจริงให้กระจ่าง โดยต้องสั่งการให้ทีม "โฆษกกองทัพไทย" ชี้แจงพร้อมสร้างความเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของยูเอ็นที่มีต่อกองทัพไทย เพราะที่ผ่านมา ทหารไทยสร้างผลงานสันติภาพมาตลอด ทางยูเอ็นแยกแยะได้ เพราะไม่ได้เกิดจากระบบ แต่เกิดจากตัวบุคคล

พล.อ.เฉลิมพล ยังระบุต่อว่า แพทย์ทหารจากกองทัพบกรายนี้ ได้เดินทางไปกับกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทยในเซาท์ซูดาน ส่วนการไปดำเนินการฉีดวัคซีนให้กำลังพลโดยพลการ แล้วมีการเก็บเงินจากกำลังพล 20 ดอลลาร์ต่อคน ได้เงินรวมประมาณ 5 พันดอลลาร์ ต่อมามีการร้องเรียนกองร้อยทหารช่างฯ ต่อผู้บังคับกองร้อย จึงมีการดำเนินการตรวจสอบ สอบสวน และแจ้งผลกลับมาทางกองบัญชาการกองทัพไทยในฐานะที่เป็นส่วนอำนวยการ ซึ่งทางกองทัพไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการเข้าไปเพื่อประสานระหว่างกองกำลังกับส่วนของยูเอ็น ทางกองทัพไทยจึงได้แจ้งเรื่องไปยังกองทัพบก

...

มั่นใจ ยูเอ็น เข้าใจบทบาทกองทัพไทย ถือเป็นความผิดส่วนบุคคล

"เมื่อผู้แทนสายงานแพทย์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทราบเรื่อง จึงบอกว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนจะไปทำโดยพลการไม่ได้ เพราะการดูแลกำลังพลต้องเป็นไปตามมาตรฐาน กองทัพไทยต้องพิจารณาจัดการด้วย จึงได้มีการสอบสวนต่อ และพบว่ามีการกระทำจริง จึงให้ส่งตัวนายแพทย์ดังกล่าวกลับมาที่ไทย ทางกองทัพไทยก็แจ้งเรื่องให้กองทัพบกสอบสวน เพราะต้นสังกัดอยู่กองทัพบก ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวขาดราชการ และไม่มาทำงานเลย แต่กลับไปร้องเรียนในหลายที่ หลายองค์กร รวมถึงบิดาของแพทย์คนดังกล่าวร้องเรียนด้วย เข้าใจว่าทาง ทบ.ได้ดำเนินการปลดออกจากราชการแล้ว รวมถึงดำเนินการในการยื่นข้อมูลต่อแพทยสภาให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาเวชกรรม ในเบื้องต้นกำลังพลที่ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆ แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องดูจากรายละเอียดที่จากกองทัพบกสอบสวนอีกครั้ง"

ที่ผ่านมา เราะจะเห็นว่าผลงานของกองร้อยทหารช่างเซาท์ซูดานผัดที่ 1 ถือว่าทำผลงานมาดี และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และกองทัพไทย เชื่อว่าทางยูเอ็นจะเข้าใจว่าเป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับภาพรวม และที่ผ่านมา กองทัพไทย ได้แจ้งความคืบหน้าการดำเนินการกับแพทย์คนดังกล่าวให้กับยูเอ็นทราบมาโดยตลอด

...


กองทัพ งัดยาแรง เสนอปลดออกจากราชการ ส่งศาลทหาร ออกหมายจับข้อหาหนีราชการ

พล.ท.เชาวลิตร สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ยืนยันกรณีกำลังพลร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน (UNMISS) ประพฤติผิดวินัยร้ายแรงในการหลอกลวงฉ้อโกงเงินกำลังพลเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกาช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นนายทหารสัญญาบัตร ยศ "ร้อยโท" ตำแหน่งนายแพทย์โรงพยาบาลสนามระดับ 1 กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชากองกำลังภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน และกองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดทราบ พร้อมทั้งให้กำลังพลดังกล่าวจบภารกิจ และส่งตัวกลับประเทศไทย เมื่อ มี.ค. 2563 ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกองทัพไทย และประเทศไทย ในภารกิจร่วมสหประชาชาติ

"กองทัพไทยได้ดำเนินการอย่างทันท่วงที โดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิดแต่อย่างใด โดยกองทัพบกในฐานะเป็นต้นสังกัดกำลังพลดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และพิจารณาในประเด็นมาตรฐานทางจริยธรรมควบคู่กันไป สำหรับผลการสอบสวนสรุปว่า นายทหารท่านดังกล่าวได้กระทำผิดจริง มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้บังคับบัญชาและกำลังพลให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยแอบอ้างว่าเป็นคำสั่งของนายแพทย์ประจำภารกิจ แต่กลับนำสารอื่นเข้าสู่ร่างกายกำลังพลแทน พร้อมทั้งได้เรียกเก็บเงินกำลังพลเป็นค่าวัคซีนด้วย แสดงถึงเจตนาทุจริตหลอกลวง พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงและประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรงอย่างมาก"

...


ทั้งการสอบสวนนายทหารคนดังกล่าวที่ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการ และไม่สามารถติดต่อได้ หน่วยต้นสังกัดจึงได้ดำเนินการในฐานความผิดหนีราชการในเวลาประจำการ และเสนอปลดออกจากราชการ พร้อมกันนี้ศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับในข้อหาหนีราชการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

ชี้ เป็นความผิดส่วนบุคคล เสียหายต่อกองทัพ ส่งแพทยสภาเพิกถอนใบอนุญาต

นอกจากนี้ดูเหมือนมรสุมจะพัดกระหน่ำ "หมอทหาร" คนดังกล่าว เพราะ "กองทัพ" ได้บี้ต่อเนื่อง มีหนังสือถึงแพทยสภาให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่ทางแพทยสภายังจะให้โอกาสแพทย์ทหารดังกล่าวมาชี้แจงอีกครั้ง หลังจากเรียกมาให้ข้อมูลครั้งนึงแล้ว หากไม่มาก็จะถอนใบประกอบวิชาชีพต่อไป

กองทัพไทย ชี้ ปัญหาครั้งนี้ถือเป็นการกระทำผิดส่วนบุคคล ที่ผิดวินัยทหารและกฎหมาย รวมทั้งสร้างความเสื่อมเสียร้ายแรงต่อชื่อเสียงของกองทัพและประเทศชาติ กองทัพไทยได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยทันที เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้ดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเวชกรรม ทั้งนี้เพื่อป้องกันผลกระทบและสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนทั่วไป

ในส่วนของกำลังสหประชาชาติ "กองทัพไทย" มั่นใจมีความเข้าใจในกระบวนการที่กองทัพดำเนินการต่อเรื่องดังกล่าว เชื่อไม่กระทบต่อภารกิจโดยรวมของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ซึ่งกำลังพลทุกนายยังทุ่มเทปฏิบัติงานด้านการช่าง และการรักษาสันติภาพที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง

เจ้าตัวรับผิด นำวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักอินเดียฉีด เรียกเงินคนละ 20 เหรียญ

พล.ท.เชาวลิตร กล่าวว่า ตั้งแต่มีการจัดกองกำลังไปปฏิบัติงานในนามของสหประชาชาติ ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก เนื่องจากที่ผ่านมา เรามีกระบวนการคัดเลือกบุคลากร ศึกษาถึงภูมิหลัง สอบถามผู้บังคับบัญชา แต่กรณีของนายแพทย์คนดังกล่าว ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการคัดเลือก เนื่องจากไปแทนนายแพทย์คนเดินที่ต้องกลับมาประเทศไทยในช่วงนั้น จึงเป็นเรื่องกะทันหัน ไม่ได้มีการพิจารณาตามขั้นตอนต่างๆ

"จากการสอบสวน แพทย์ทหารผู้นี้ยอมรับกับ ผบ.ร้อยทหารช่าง ว่าทำคนเดียว ไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยได้จัดซื้อวัคซีนจากประเทศอินเดีย ซึ่งทางยูเอ็นนำไปตรวจสอบ พบว่า เป็นวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก ไม่ใช่ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกา ส่วนกำลังพลที่เสียหาย ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เนื่องจากจำนวนเงินที่เสียหายต่อคนประมาณแค่ 500 บาท กำลังพลกว่า 200 นาย รวมจำนวนแล้วประมาณ 1.7 แสนบาท ซึ่งไม่ได้เป็นจำนวนเงินมากมาย แต่สิ่งที่เราตระหนักก็คือ เรื่องของคุณธรรมจริยธรรม"


ขณะที่ พล.ต.ณัฐพล แสงจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติภาพ กรมยุทธการทหาร ระบุ สำหรับการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลที่เดินทางไปในพื้นที่ดังกล่าว จะมีมาตรฐานจากยูเอ็นกำหนดไว้ โดยก่อนออกเดินทางทุกคนจะได้รับวัคซีน 3 ชนิด คือ ไข้เหลือง กาฬหลังแอ่น อหิวาห์ตกโรค หากมีความต้องการฉีดเพิ่ม ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งช่วงดังกล่าวมีการแพร่ระบาดโควิด มีการแนะนำว่า หากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการส่งแพทย์คนดังกล่าวไปแทนคนเก่านั้น ก็เป็นเหตุสุดวิสัย

และนี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าสนใจ เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์กองทัพ และผู้กระทำความผิดเป็นนายทหารที่จบจาก "แพทย์ทหาร" และร่วมออกปฏิบัติภารกิจ รพ.สนาม ทำหน้าที่ร่วมในการรักษาสันติภาพที่ประเทศ "ซูดาน" ร่วมกับทหารช่างที่เดินทางไปพร้อมกัน ทำภารกิจร่วมกัน แต่ยังหลอกคนไทยด้วยกัน และโกงคนอาชีพเดียวกัน ก่อนจะถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ และจบภารกิจ

ปัจจุบันถูกศาลทหารออกหมายจับ และกองทัพเสนอปลดออกจากราชการ แต่คิดว่าเรื่องยังไม่จบเท่านี้ จนกว่าจะมีคำสั่งเด็ดขาดทั้งจากศาลทหารและกองทัพ.

ผู้เขียน : ยุทธจักรเขียว

กราฟิก : Sriwan Singha