สธ. เผยฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว 2 วัน รวม 3,021 ราย พบมี 5 ราย อาการข้างเคียงไม่รุนแรง พร้อมแจงกรณีวีไอพีเชียงใหม่ได้รับวัคซีนด้วย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 มี.ค. 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวถึงแผนการกระจายวัคซีนและจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว ว่า วัคซีนโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 63 ล้านโดสนั้น จะฉีดตามแผนให้เสร็จสิ้นภายใน ธ.ค. 2564 ส่วนกรณีวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่เข้าไทยมาแล้ว 117,000 โดสนั้น เนื่องจากสถานการณ์การระบาดในไทยช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมามีมาก บริษัท แอสตราเซเนกา ได้ประสานกับ สธ. ว่าจะจัดส่งวัคซีนมาให้ก่อน แต่ทางบริษัท แอสตราเซเนกา ประเทศไทย ยังไม่ได้จัดส่งให้กับ สธ. เนื่องจากขอตรวจสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายว่ามีประสิทธิภาพดีพอเป็นที่น่ามั่นใจได้ โดยคาดว่าใน 1-2 สัปดาห์จะเรียบร้อย ทั้งนี้ สธ. กระจายวัคซีนโควิด-19 จัดส่งไปในรอบแรก 116,520 โดส และจะทยอยส่งเพิ่มจนครบ
...
สำหรับสรุปสถานการณ์ผู้ได้รับวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 1 มี.ค. 2564 มีดังนี้
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีนใหม่ (1 มี.ค. 2564) จำนวน 2,767 ราย
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่ 28 ก.พ. 2564 รวมจำนวน 3,021 ราย
ขณะที่ผลการเฝ้าระวังผู้มีอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีน มีอาการ 5 ราย ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ 4 ราย และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 1 ราย
- มีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด 4 ราย
- คลื่นไส้ อาเจียน 1 ราย
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 5 ราย ถือว่าเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้ เป็นอาการที่ไม่รุนแรง ซึ่งภาพรวมการฉีดวัคซีนมีความปลอดภัย
นอกจากนี้ นายแพทย์โอภาส ยังตอบคำถามถึงข่าวเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับบุคคลวีไอพีใน จ.เชียงใหม่ ว่า สธ.จัดส่งวัคซีนไปให้เชียงใหม่ ซึ่งมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเบื้องต้น 1,450 คน มีการระบุรายชื่อและนัดเจ้าหน้าที่มาฉีดวัคซีน โดยในวันแรกเจ้าหน้าที่ สธ. 73 คน และเจ้าหน้าที่อื่นๆ อีก 67 คน ได้รับวัคซีน ในจำนวน 67 คนนี้ถูกสอบถามว่าเป็นวีไอพีหรือไม่นั้น อยู่ในส่วนของกลุ่มบุคลากรอื่นๆ ที่ทำหน้าที่ควบคุมโรคและมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็น หัวหน้าส่วนราชการ ปกครอง ทหาร ตำรวจ เช่น นายทหารสัญญาบัตรมาฉีดด้วย
“ที่บอกว่าวีไอพี คงไม่ตรงตามข้อเท็จจริงทั้งหมดเสียทีเดียว มีบุคคลอื่นๆ ที่มาฉีดด้วย การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายที่ สธ. และ ศบค.กำหนด ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและผู้ว่าฯ เชียงใหม่ จะชี้แจงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามปลัดกระทรวง สธ. จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อให้มั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า สธ. ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา จะไม่มีการปกปิดข้อมูล และรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ หากมีข้อมูลแจ้งมาที่ สธ.”