สวนมะม่วงในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ฤดูออกดอก กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรเฝ้าระวังการระบาดของ โรคราดำเป็นโรคที่พบทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง มีราดำขึ้นปกคลุมเกิดทั้งบนใบ ช่อดอก และผลอ่อน มีลักษณะเหมือนเขม่าหรือฝุ่นสีดำปกคลุมเป็นแผ่นสีดำ เมื่อแห้งอาจจะร่วงหลุดเป็นแผ่นแต่ราดำเหล่านี้ไม่ได้ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชโดยตรง เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ราดำมีอยู่ทั่วไปในอากาศ ไม่สามารถจะเจริญขึ้นบนใบหรือช่อดอกมะม่วงได้...แต่ด้วยมีแมลงปากดูด เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง จะมาดูดกินน้ำเลี้ยงตามยอดอ่อน และช่อดอกดูดกินเสร็จแล้ว จะถ่ายสารคล้ายน้ำหวานออกมาเคลือบตามบริเวณใบและช่อดอก เลยทำให้เชื้อราดำในอากาศสามารถเกิดขึ้นมาได้...หากราดำขึ้นปกคลุมดอก จะมีผลทำให้การผสมเกสรของดอก ไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีเชื้อราขึ้นปกคลุมปลายเกสรตัวเมียทำให้การติดดอกออกผลของมะม่วงลดลงหรือไม่ติดผลเลยหากพบการระบาดของราดำ ให้เกษตรกรฉีดพ่นด้วยน้ำเปล่าล้างสารเหนียวที่แมลงปากดูดขับถ่ายไว้และคราบราดำ เพื่อลดปริมาณเชื้อราก่อโรค และด้วยเชื้อราก่อโรคจะเจริญบนสารเหนียวที่แมลงปากดูด ขับถ่ายไว้ ดังนั้นควรพ่นด้วยสารกำจัดแมลงด้วยกรณีพบ เพลี้ยจักจั่น ให้พ่นด้วยสาร แลมบ์ดาไซฮาโลทริน 2.5% อีซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คาร์บาริล 85% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตรหากพบ เพลี้ยหอย ให้พ่นด้วย มาลาไทออน 83% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตรแต่ถ้าพบ เพลี้ยแป้ง ให้พ่นด้วย มาลาไทออน 83% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไทอะมีทอกแซม 25% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 2.5 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร.สะ-เล-เต