ไปให้ถึงที่สุด

ก่อนจะถึงวัคซีน “การ์ดอย่าตก” ไว้ก่อน เป็นอีกความหวังหนึ่งที่จะทำให้โควิด-19 สงบลงได้คงหนีไม่พ้น “วัคซีน” ที่มีการคิดค้นภายใต้เวลาอันจำกัด ด้วยความสามารถของ “คน” ที่จะเอาชนะโรคภัยไข้เจ็บด้วยการศึกษา วิเคราะห์ ทดลองจนสร้าง “วัคซีน” ขึ้นมาสำเร็จ

อย่างจีน รัสเซียที่รัฐจะเข้าไปจัดการโดยตรง เพราะแต่ละประเทศจะมีผู้เชี่ยวชาญพร้อมอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยจะเปิดเผยความเป็นไปมากนัก

แม้กระทั่ง “อิหร่าน” ยังประกาศชัดเจนว่าจะไม่รับ “วัคซีน” ที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป ทั้งหมด เหตุผลก็ชัดอยู่แล้ว เพราะเป็นไม้เบื่อไม้เมาที่ไปด้วยกันไม่ได้

แล้วจะไปเอาที่ไหนมาใช้?

ก็แน่นอนก่อนที่จะประกาศเรื่องสำคัญอย่างนี้ก็คงมีแหล่งวัคซีนเรียบร้อยแล้วที่เห็นก็จีน รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรกัน

“วัคซีน” จาก 2 ประเทศนี้มีการจับจองจากหลายประเทศทั่วโลกทั้งแบบซื้อ-ขาย และช่วยเหลือแบบให้เปล่า

แม้ไทยก็เพิ่งจะสั่งซื้อลอตหนึ่งจากจีนเพื่อจะได้นำมาใช้ให้เพียงพอ

ถึงที่สุดแล้ว “วัคซีน” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้วิกฤติผ่านพ้นไปได้ เพราะมีความจำเป็นต่อการป้องกันแม้ไม่ใช่ “ยารักษา”

ที่สำคัญได้กลายเป็นดัชนีวัดความเป็นไปของโลกโดยอัตโนมัติ เพราะจะเป็นมาตรฐานในการตัดสินใจทุกอย่าง

ยิ่งด้านเศรษฐกิจยังกำหนดให้หุ้น ทอง ขึ้นลงได้เลย

การที่เศรษฐกิจจะขยับตัวฟื้นชีพได้ด้วยการตัดสินใจจะลงทุนอย่างไร แค่ไหน อย่างไร ก็ต้องอาศัยวัคซีนนี่แหละ...

เพราะเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่มีอยู่...

เหนืออื่นใดวัคซีนที่ผลิตออกมาใช้นั้นได้มีการทดลองทดสอบหลายขั้นตอนจนมั่นใจได้ว่าสามารถที่จะป้องกันได้

แม้จะมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ได้ผลดีมากกว่า

ตรงนี้ทำให้เกิดความรู้สึกหวั่นไหวกันบ้าง แต่ในทางเลือกที่มั่นใจว่า “ดีกว่า” ก็ต้องตัดสินใจที่จะเลือก

ของไทยนั้นได้มีการวางแผนการดำเนินการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งแนวปฏิบัติและการดำเนินการ

“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรัฐมนตรีสาธารณสุข ยังพร้อมที่จะร่วมขบวนสร้างความเชื่อมั่นด้วยการอาสาฉีดวัคซีนก่อนเลย ยกเว้นว่านายกฯจะขอเล่นเอง

นายกฯสิงคโปร์เพิ่งฉีดไปเมื่อวันสองวันที่ผ่านมาพร้อมเชิญชวนให้ชาวสิงคโปร์ฉีดกันทุกคน ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมพร้อมทุกอย่างให้แล้ว

สิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก พื้นที่น้อย การจัดการจึงไม่ยากเท่าใดนัก

ห่วงก็แต่ไทยนี่แหละ...บริหารจัดการกันให้ดีๆก็แล้วกัน.

“สายล่อฟ้า”