โทษในคดีอาญากำลังมีการเปลี่ยนแปลงน่าสนใจ? เพราะมีการเสนอการลงโทษแบบใหม่แทนการจำคุก... ว่าที่ พ.ต.ดร. กรรมการบริหารการยุติธรรมแห่งชาติ เผยว่า การลงโทษในอดีตสมัยกฎหมายตราสามดวง กฎหมายพระอัยการอาญาหลวง กำหนดโทษไว้ 8 สถาน

1.ให้ฆ่าผู้ร้ายนั้นเสีย 2.ให้ตัดตีนตัดมือแล้วประจาน 3.ให้ทวนด้วยลวดหนังไม้หวาย 50 ที 4.ให้จําไว้แล้วเอาตัวลงหญ้าช้าง 5.ให้ไหมจัตุระคูนแล้วเอาตัวลงเป็นไพร่ 6.ให้ไหมตรีคูน 7.ให้ไหมทวิคูน และ 8.ให้ไหมลาหนึ่ง

ในพระอัยการกบฏศึก กำหนดโทษไว้อย่างน่ากลัวอีก 21 ประการ เช่น ให้ต่อยกระบานศีศะเลิกออกเสีย แล้วเอาคีมคีบก้อนเหลก (เหล็ก) แดงใหญ่ใส่ลง ให้มันสะหมองศีศะพลุ่งฟูขึ้น ดังม่อเคี่ยวน้ำส้มพะอูม ให้เอาขอเกี่ยวปากให้อ้าไว้แล้วตาม
ประทีบไว้ในปาก (จุดไฟไว้ในปาก) ฯลฯ

โทษเหล่านี้ หากยังคงมีอยู่ คงไม่มีใครกล้าทำผิดกฎหมาย?!

ปัจจุบัน แนวคิดเปลี่ยนจากทฤษฎีเชิงแก้แค้นเป็นเชิง “แก้ไข” เพื่อให้โอกาสผู้กระทำผิดกลับตัว

แนวคิดใหม่มองว่า โทษทั้ง 5 ประการ คือ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ยังมีการกระทำผิดประเภทที่ไม่เป็นอันตรายต่อสังคม โทษจำคุกหรือกักขังอาจหนักไป

...

บางท่านเรียกว่า การจำคุกคือ การส่งตัวเข้าไปเรียนรู้ในสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อสังคม?

ควรมีทางเลือกใหม่ในการลงโทษ เพื่อหลีกเลี่ยงการนำผู้กระทำความผิดไม่ร้ายแรงรับโทษจำคุก

ควรมีโทษสถานใหม่บรรจุในมาตรา 18 เรียกว่า “มาตรการแทนการจำคุก” เช่น การให้ทำงานตามที่ศาลกำหนด การเอาตัวไปบำบัดทางจิต หรือให้อยู่ในบ้านกึ่งวิถี

ก่อนวันสิ้นปี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เรียกถกเรื่องนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ท้ายสุด คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เห็นด้วยในหลักการ

แต่ดูแล้วไม่น่าเอามาอยู่ในเรื่องโทษที่จะลง ให้นำกลับไปทบทวนใหม่...

ผลลัพธ์จะเป็นยังไง ลุ้นการประชุมคราวหน้าครับ.

สหบาท