กระทรวงสาธารณสุข เข้มมาตรการแนวปฏิบัติในสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก ASQ พร้อมเสนอผลการสอบสวนโรคและเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาในประเด็นต่างๆ ให้กับโรงพยาบาลเอกชน
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงมาตรการการดำเนินงานสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนต้องได้รับการตรวจคัดกรอง แยกกัก หรือกักกัน เพื่อการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคซึ่งมาจากท้องถิ่นอื่น หรือเมืองท่านอกราชอาณาจักร กรณีโรคโควิด-19 ในสถานที่ที่หน่วยงานรัฐจัดเตรียมและจัดหาสถานที่สำหรับเป็นที่กักตัว ได้แก่ สถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ)
ทั้งนี้ จากการรายงานกรณีที่มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก จึงจำเป็นต้องทบทวนมาตรการการปฏิบัติงานให้มีมาตรฐานตามหลักเกณฑ์และแนวทางการควบคุมป้องกันโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งมาตรการในการป้องกันควบคุมโรคในสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก มีทั้งหมด 6 ด้าน ดังนี้
ด้าน 1 โครงสร้างอาคารและวิศวกรรม ด้าน 2 บุคลากร ด้าน 3 วัสดุ อุปกรณ์สำนักงานและอื่นๆ ด้าน 4 เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ด้าน 5 การจัดการสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับชุมชน ด้าน 6 โรงพยาบาลคู่สัญญาปฏิบัติการร่วมและความสะดวกสบายเพิ่มเติม และจำนวนสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ) มีทั้งหมด 120 แห่ง จำนวน 15,253 ห้อง โดยเน้นย้ำให้โรงพยาบาลคู่สัญญา 17 แห่ง และโรงแรมที่เข้าร่วม 120 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรฐาน 6 ด้าน โดยเคร่งครัด
...
ทางด้าน นายแพทย์อเนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันโรคเขตเมือง เสนอผลการสอบสวนโรคและเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาในประเด็นต่างๆ ให้กับโรงพยาบาลเอกชนคู่ปฏิบัติการ ASQ ดังนี้ 1.จัดเตรียมอุปกรณ์ควบคุมและป้องกันการติดเชื้อ (IPC) และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ให้เพียงพอ 2.บุคลากรทางการแพทย์ ตระหนักและปฏิบัติตามแนวทางการประเมิน คัดแยก และรักษาผู้ป่วย ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติการควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 3.กำหนดหัวหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานพยาบาล ASQ ต้องเข้มงวดในการควบคุมกำกับการปฏิบัติงาน 4.บุคลากรทางการแพทย์ ต้องเข้มงวดเรื่องการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันร่างกายก่อนเข้าไปตรวจเยี่ยมหรือทำหัตถการแก่ผู้เข้าพักกักตัวในห้องพัก 5.พยาบาลไม่ควรเข้าไปวัดอุณหภูมิหรือสัมผัสโดยตรง โดยไม่มีการป้องกัน
ขณะที่ นายแพทย์กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ได้เสนอให้โรงพยาบาลเอกชน คู่ปฏิบัติการ ASQ ควรปฏิบัติดังนี้ 1.ทบทวนกระบวนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและให้บริการผู้ป่วยโดยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสัมผัสกับผู้ป่วยน้อยที่สุด แล้วใช้การสื่อสารทางไกลให้เป็นประโยชน์ 2.สอบทานการใส่และถอดอุปกรณ์ป้องกันตน (PPE) ของเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและหน่วยบริการควรให้มีจุดล้างมือและห้องอาบน้ำ ณ จุดถอด PPE ด้วย.