ขึ้นชื่อว่าเพลี้ย เกษตรกรมักเลือกหลีกลี้หนีไกล...แต่พอได้เห็นเจ้าเพลี้ยกระโดดลายบ้านเชียง หลายคนอาจต้องเปลี่ยนความคิด
นอกจากสีสันลวดลายสวยงาม จนกลายเป็นเพลี้ยชนิดใหม่ของโลก ยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อพืช เพราะดูดน้ำเลี้ยงในหญ้าขนเป็นอาหาร และจำนวนประชากรยังค่อนข้างน้อย
เพลี้ยกระโดดลายบ้านเชียง (Hemisphaerius binduseni Constant & Jiaranaisakul, 2020) เป็นเพลี้ยกระโดดขนาดเล็กในวงศ์ Issidae มีขนาดโดยเฉลี่ยเพียง 4 มิลลิเมตรเท่านั้น ลักษณะเด่น ลวดลายบนปีกที่เป็นสีส้ม ขดไปขดมาจนมีรูปร่างคล้ายกับไหลายบ้านเชียง จ.อุดรธานี ตัดกับสีพื้นบนปีกที่เป็นสีฟ้าอมเขียว (turquoise) เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็น
ค้นพบครั้งแรกเมื่อปี 2556 โดย กวินท์ เจียรไนสกุล นิสิตชั้นปีที่ 2 ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ณ ขณะนั้น บริเวณกอหญ้าข้างทางในมหาวิทยาลัย จากนั้นจึงทำการเก็บตัวอย่าง เพื่อไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญ ทราบแต่เพียงว่าเป็นเพลี้ยชนิดใหม่ของโลก ที่ยังไม่ได้รับการตั้งชื่อ และบรรยายลักษณะ จึงถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของภาควิชา เพื่อการศึกษา
กระทั่งกลางปี 2562 ขณะ กวินท์ กำลังสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเขากระโจม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ร่วมกับมูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์ มีโอกาสได้พบเห็นเพลี้ยกระโดดลายบ้านเชียงอีกครั้ง จึงได้เก็บตัวอย่างเพิ่มเติม และร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเบลเยียม
ลงความเห็นกันว่าจะตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้เป็นเกียรติแก่ คุณชาญชัย พินทุเสน ประธานมูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์ ผู้ให้การสนับสนุนตลอดการสำรวจ...การตั้งชื่อและบรรยายเพลี้ยลายบ้านเชียง ได้ใช้ตัวอย่างที่พบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ร่วมบรรยายและกำหนดให้ตัวอย่างที่ถูกเก็บจากมหาวิทยาลัย เป็นตัวอย่างต้นแบบ (holotype)
...
จึงทำให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กลายเป็น type locality ของเพลี้ยชนิดนี้โดยปริยาย.
สะ–เล–เต