ข้าวหอมมะลิที่อร่อยจนได้รับการยอมรับไปทั่วโลกต้องมาจากทุ่งกุลาร้องไห้ และยังเป็นข้าวชนิดแรกของไทย ที่ได้รับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ของสหภาพยุโรป และเตรียมยื่นจดทะเบียนจีไอในประเทศที่นิยมนำเข้าข้าวชนิดนี้ไม่ว่าจะเป็นจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
แต่ข้าวพันธุ์นี้ปลูกได้ปีละครั้งเดียว...เลยเกิดคำถาม จะปลูกอย่างไร ถึงจะได้ผลผลิตเหมือนปลูกสองครั้ง และได้มูลค่าแกลบเหลือทิ้งเพิ่มขึ้นแบบครบวงจร
“ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางไปดูงานที่ไต้หวัน พร้อมกับคณะ BOI เมื่อ 10 ปีที่แล้ว พื้นที่ของเขาแทบจะมีสภาพไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว แต่ข้าวเขากลับขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ระบบชลประทานก็ดี เมื่อได้เยี่ยมชมศูนย์วิจัยข้าว จึงทราบว่าเขาใช้งานวิจัยและนวัตกรรมเครื่องจักรกลเกษตรเข้ามาช่วย มองกลับมาที่บ้านเรา น่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่โด่งดังไปทั่วโลก จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาจนได้สูตรการปลูก ที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ลดต้นทุนโดยเทคโนโลยี”

สินสมุทร ศรีแสนปาน ผู้ก่อตั้งโครงการศรีแสงดาวหมู่บ้านนาหยอด อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด บอกถึงแรงบันดาลใจ ก่อนจะก่อตั้งหมู่บ้านนาหยอด ที่ปัจจุบันมีชาวนาที่ร่วมโครงการกว่า 60 ราย พื้นที่ปลูกรวมกว่า 800 ไร่ พร้อมเตรียมขยายให้ได้ 5,000 ไร่...ต่อมาจึงร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน ทั้งกรมพัฒนาที่ดิน กรมการข้าว บ.ไบเออร์ วิจัยเพิ่มเติม กระทั่งปี 2557 จึงเริ่มโครงการหมู่บ้านนาหยอด ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย
...
ข้าวหอมมะลิของโครงการ ภายใต้แบรนด์ศรีแสงดาว ทุกเม็ดผลิตเป็นผลผลิตที่มาจากใจ เอาใจใส่อย่างดีทุกขั้นตอน ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ใช้หลักธรรมชาติเข้ามาประยุกต์ อาทิ การเลื่อนการปลูกจาก เม.ย.-พ.ค. มาเป็น กลาง มิ.ย.-ต้น ก.ค. เพื่อเลี่ยงฝนทิ้งช่วง อันเกิดจากสภาวะโลกร้อน
ส่งเสริมการไถกลบตอซังแทนการเผา เพื่อเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุธาตุอาหารในดิน ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ลดโลกร้อน รวมทั้งปรับสภาพดินด้วยโดโลไมท์ เพื่อให้ดินกลายเป็นกรดอ่อน เพื่อให้ธาตุอาหารละลายออกมาได้ดี พร้อมใส่ปุ๋ยฟอสเฟส ปุ๋ยฟอสฟอรัสราคาถูก ช่วยเพิ่มฟอสฟอรัสในดิน
นอกจากนั้น ยังใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เข้ามาช่วยปรับสภาพดินให้ราบเรียบเสมอกันมากที่สุดทั้งแปลง เพื่อให้สามารถเพาะปลูกได้เต็มประสิทธิภาพ ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรใช้วิธีเตรียมดิน เพื่อลดการเกิดของวัชพืช โดยใช้เทคนิคไถล่อหญ้า โดยปล่อยหญ้าให้ขึ้นเต็มแปลงแล้วไถกลบ จากนั้นทำซ้ำอีก 1-2 ครั้ง ส่วนการลงปลูก ก็ให้ทำแบบนาหยอดแทนนาหว่านที่เคยทำกัน มาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยใช้รถหยอด เพื่อประหยัดเมล็ดพันธุ์ จากที่เคยใช้เมล็ดพันธุ์ไร่ละ 35 กก. เหลือแค่ไร่ละ 4 กก.

สำคัญที่สุด...เปลี่ยนสูตรปุ๋ยจากที่เคยใช้สูตรเสมอมาเป็น 20-8-20 สูตรเดียว ตลอดโปรแกรมการปลูก
นอกจากนั้น ยังนำแกลบที่เดิมต้องขนไปทิ้งวันละนับร้อยตันมาผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงสีข้าว ส่วนขี้เถ้าแกลบที่ได้จากโรงไฟฟ้าวันละ 75 ตัน สามารถนำไปผสมกับดินปรุงดินให้ร่วนซุยได้ฟรีๆ ขณะที่แกลบอีกส่วน ก็นำมารีไซเคิลเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ทันสมัย และย่อยสลายได้...การันตีด้วยรางวัลมากมายทั้งระดับประเทศ และนานาชาติ อาทิ GOLDEN PIN DESIGN AWARD, GOOD DESIGN AWARD BEST IN CLASS, DEZEEN AWARDS 2020 longlists, DELINE AWARD 2020 FIRST PLACE, GERMAN DESIGN AWARD, TOPAWARD ASIA TOP, MUSE DESIGN AWARD, Design Excellence Award ฯลฯ รวมแล้วกว่า 10 รางวัล

สนใจหาอุดหนุนข้าวหอมมะลิจีไอ ได้ที่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่เตรียมวางอีกหลายแห่ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ ข้าวศรีแสงดาว หรือโทร. 08-9899-8289.
กรวัฒน์ วีนิล