ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัว นับแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2563 กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศลมระดับความสูง 100-3,500 เมตร มีการเปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ หรือลมตะวันออก และลมระดับบน 5,000 เมตรขึ้นไปเปลี่ยนเป็นลมฝ่ายตะวันตก อีกทั้ง “อุณหภูมิต่ำสุด” ในช่วงเช้าบริเวณประเทศไทยตอนบนลดลง ในเกณฑ์อากาศเย็นแล้ว แต่ในช่วงเริ่มต้น “ฤดูหนาว” อากาศประเทศไทยตอนบนยัง “แปรปรวน” จะมีฝนตกเป็นบางช่วง แต่ปริมาณไม่มากนัก

ลักษณะอากาศปรับเปลี่ยนฤดูเข้าสู่ “ฤดูหนาว” ที่มีทั้งฝนตกบางช่วง และอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ “ร่างกาย” อาจปรับสภาพไม่ทันมักมี “การเจ็บป่วยง่าย” ทำให้ “เชื้อโรค” แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด หลอดลมอักเสบ โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม เป็นต้น

สาเหตุมาจาก “การรับเชื้อไวรัส” เข้าสู่ร่างกายทางจมูก ปาก และตา ที่เชื้อชนิดนี้มักอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วยที่ไอ จาม และอาจติดอยู่กับภาชนะ หรือพื้นผิวเปื้อนน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย ที่สามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ในสถานที่ที่มีคนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่สะดวกก็ได้

...

แต่ในส่วน “ฤดูหนาว 2563” คาดการณ์กันว่า ได้รับผลพวงจากอิทธิพล “ปรากฏการณ์ลานีญา” (La Nina) ที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลให้ “ทั่วประเทศไทย” จะมีอากาศหนาวเย็นยะเยือกจับใจแน่นอน โดยเฉพาะภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...ทำให้ “นักท่องเที่ยว” สามารถสูดอากาศหนาวรับเข้าเต็มปอดได้สดชื่นกันได้อีกครั้ง

ปรากฏการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นเฉพาะเรื่องอากาศหนาวกว่าปกติเท่านั้น แต่ยังมีผลถึงปี 2564 “ประเทศไทย” จะต้องเผชิญกับ “ฝนตกหนัก” และมีภาวะเสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากด้วยซ้ำ

กล่าวคือ...“ลานีญา” เป็นปรากฏการณ์เชื่อมโยงตรงกันข้ามกับ “เอลนีโญ” มักเกิดจากอุณหภูมิน้ำทะเล ในเขตศูนย์สูตรของแปซิฟิก ด้านตะวันออกจะเย็นกว่าปกติ ทำให้เกิดพายุเฮอริเคน ในมหาสมุทรแอตแลนติก เกิดฝนตกหนัก ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงด้านเหนือของภาคตะวันตก

เมื่อลานีญาอ่อนกำลังลง ทำให้อากาศชุ่มชื้น เกิดฝนตก และอาจเกิดน้ำท่วมในฤดูฝน ที่มักจะเกิด 3-5 ปีต่อครั้ง ที่จะกินระยะเวลา 9-12 เดือน เว้นช่วงการเกิด 1-2 ปี ตามหลักแล้ว “ลานีญา” มักเกิดน้อยกว่า “เอลนีโญ” ทำให้มักเกิด “ภัยแล้ง” มากกว่า “น้ำท่วม” ตามมาเช่นกัน

ปรากฏการณ์ลานีญามีส่งผลต่อสภาวะอากาศของประเทศไทยนี้ รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร เจ้าของรางวัล “ป๋วย อึ๊งภากรณ์” นักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีผลงานดีเด่นประจำปี 2562 ให้ข้อมูลว่า

ก่อนอื่นขอย้อนกลับไปในปี 2561-2562...“ทวีปเอเชีย” ต่างรับอิทธิพลจาก “ปรากฏการณ์เอลนีโญ” ส่งผลให้อุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีปริมาณน้ำน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ “ประเทศไทย” ก็ได้รับผลนี้ต้องเผชิญ “ภัยแล้งสะสม” จนน้ำในเขื่อนไม่เพียงพอต่อภาคการเกษตร “รัฐบาล” ต้องประกาศห้ามเพาะปลูกพืชนอกฤดูกาล

และลากยาวมาจนถึงกลางปี 2563 ที่ล่วงเลยฤดูฝนออกมาร่วมเดือน ในหลายภาคส่วนต่างลุ้นว่า “น้ำจะเพียงพอหรือไม่” ทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

สำหรับปัจจัยของการเกิด “ปรากฏการณ์เอลนีโญ” ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ที่มาจากสภาพการ “ปล่อยก๊าซเรือนกระจก” เช่น การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างถ่านหิน น้ำมัน ร้อยละ 91 และการตัดไม้ ร้อยละ 9 ที่กำลังมีสถิติของการปล่อยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีด้วยซ้ำ

แม้มี “สนธิสัญญาเกียวโต และอนุสัญญา Paris Agreement” ที่ต่างพยายามช่วยกันลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร โดยเฉพาะยุค “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ได้ปฏิเสธความเชื่อของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนี้ และออกจากอนุสัญญา Paris Agreement

หนำซ้ำยังเร่งผลักดันส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม ในอนาคตนี้โชคดี “พรรคเดโมแครต” ที่จะมาเป็นผู้นำของสหรัฐฯ เพราะยุคสมัย “บารัค โอบามา” พรรคเดโมแครตเคยเป็นผู้บุกเบิกในการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ล่าสุดก็มีข่าวว่า “พรรคเดโมแครต” กำลังเข้าร่วมอนุสัญญา Paris Agreement อีกครั้งด้วย

...

ต้องเข้าใจว่า “ชั้นบรรยากาศ” ถือว่า “พื้นที่สาธารณะ” ใช้ร่วมกัน ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกไปในชั้นบรรยากาศนี้ย่อมมีผลกระทบทั่วโลก ทำให้ในเชิง “วิทยาศาสตร์” มีการพยากรณ์บ่งชี้ว่า ในอนาคตโลกจะมีสภาวะร้อนยิ่งขึ้น และในหลายประเทศ อาจต้องเผชิญ “ภัยแล้งหนักหน่วงเข้มข้น” นับจากนี้ไปอีกด้วย

ฉะนั้น “ประเทศไทย” ในแง่เชิง “ภาคธุรกิจการค้า” กิจกรรมที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากๆ ในอนาคต “นโยบายสหรัฐอเมริกา” อาจเข้ามาแทรกแซงก็ได้ด้วยการพิจารณา “ไม่รับสินค้าก่อมลพิษ” โดยเฉพาะ “การปลูกข้าว” ที่เป็นแหล่งการปล่อยก๊าซมีเทนกันอยู่มาก...

ประเด็น...“ประเทศไทยเจอปรากฏการณ์ลานีญา” มีแนวโน้มเริ่มมาตั้งแต่เดือน ก.ย.2563 สูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และปรากฏการณ์นี้จะมีความชัดเจนในเดือน ธ.ค. คาดว่าจะอ่อนกำลังลงลากยาวถึงเดือน เม.ย.2564 บ่งชี้ว่า “ฤดูแล้งปีหน้าจะมีฝนมาเร็วมากกว่าปกติ” ทำให้ปัญหาภัยแล้งน่าจะบรรเทาลงในหลายพื้นที่ก็ได้

สังเกตสถานการณ์ “น้ำในเขื่อน” เริ่มมีปริมาณน้ำฝนเข้ามาเติมเต็มเกือบทุกแห่งมากกว่าปีก่อนแล้ว ยกเว้น “เขื่อนภูมิพล” ที่ยังมีความกังวลอยู่ เพราะมีน้ำใช้งานได้อยู่เพียง 14 เปอร์เซ็นต์ แต่ตามการคำนวณพยากรณ์ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.2564 ก็คาดว่าจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นอีก เพราะผลพวง “ลานีญา” เข้ามาต่อเนื่องนี้

ซ้ำร้าย...ในอนาคตอาจต้องเผชิญ “น้ำท่วม” ในหลายพื้นที่ที่เป็นความท้าทายของหน่วยงานภาครัฐ ในการบริหารจัดการน้ำ เพราะหากเก็บน้ำเยอะเกินไป และมีปริมาณน้ำฝนมาก ก็อาจทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมก็ได้...

...

เมื่อเป็นเช่นนี้...“อุณหภูมิทั่วประเทศก็ลดต่ำลงด้วย” ตามหลักคำนวณพยากรณ์อากาศ ในเดือน พ.ย.2563-ม.ค.2564 มีแนวโน้มต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติอีก “ลบ 0.5-ลบ 1 องศาฯ” โดยเฉพาะ “ภาคกลางและอีสาน” เช่น ปี 2562 อากาศเคยหนาวเย็นค่าเฉลี่ยทั่วประเทศต่ำสุด 25 องศาฯ ครั้งนี้จะหนาวเย็นลงเป็น 24-24.5 องศาฯ

โดยเฉพาะพื้นที่ “ภาคเหนือ” ในปีนี้ “ยอดดอย” อาจมีปรากฏการณ์แม่คะนิ้งเยอะกว่าเดิม

สิ่งที่ตามมาก็อาจมี “โรคระบาดในพืช” เพราะต้องเผชิญกับ “อากาศหนาวเย็นจัด” อีกทั้งในบางพื้นที่ยังอาจเจอสภาพอากาศเย็นลงแบบเฉียบพลัน ทำให้มี “โรคติดพืช” สามารถแพร่ระบาดในกลุ่มพืชได้ง่าย ที่มีลักษณะอาการผิดปกติ หรือสภาพพืชเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้พืชผลการเกษตรเกิดความเสียหายขึ้นเช่นกัน

ส่วน “ผู้อยู่พื้นที่หนาวเย็น” จะส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ร่างกายป่วยได้ง่ายกว่าปกติ โรคสำคัญคือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น อาจต้องหันมาเตรียมร่างกาย และดูแลสุขภาพในช่วงหน้าหนาวด้วยการสวมเสื้อผ้าหนาๆ ให้เพียงพอต่อความอบอุ่น และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะดีที่สุด

...

ไม่เพียงเท่านั้น...การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหนาวผิดปกตินี้ยังเอื้อต่อความอยู่รอดของ “ไวรัส” ในการแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายรวดเร็วมากด้วย โดยเฉพาะโรคโควิด-19 ถ้าใน “ประเทศไทย” มีการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นจริงๆ ก็มีโอกาสแพร่เชื้อไวรัสรวดเร็วรุนแรงก็ได้ ดังที่เกิดขึ้นในหลาย ประเทศมาแล้วนี้

ทว่า...“โชคดีเมืองไทย” ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมานานแล้ว คงมีเฉพาะผู้ติดเชื้อเดินทางจากต่างประเทศที่เข้าระบบกักตัว 14 วัน ดังนั้น เราต้องเน้น “ไม่ประมาทการ์ดอย่าตก” เช่นเดิม ในการเปิดประเทศก็ยังมีโอกาสเสี่ยงเกิดการระบาดอยู่ ในจุดนี้ต้องมีมาตรการคัดกรองชาวต่างชาติเข้มงวด ที่ต้องระมัดระวังขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ

ย้ำว่า...“ปรากฏการณ์ลานีญา” ที่เกิดขึ้นนี้เป็นการพยากรณ์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเตือนกันไว้ล่วงหน้า “ไม่ให้ประมาท” สามารถเตรียมตัวระวังภัยได้ทันท่วงที.