สรุปดราม่า "แมวเจ้าสัว" กู้ภัยไปช่วยจับตามที่ได้รับแจ้ง ก่อนนำไปปล่อยป่าข้างทาง เจ้าของกลับมาไม่ทัน ไปตามหาก็ไม่เจอ กระทั่งอีกวันไปพบว่าเสียชีวิต เผยความในใจเจ้าของแมว

โลกโซเชียลแชร์เรื่องราวของ "แมวเจ้าสัว" ซึ่งเจ้าของแมวเจ้าสัว พันธุ์อเมริกันช็อตแฮร์ ได้โพสต์ข้อความ หลังจากที่แมวหลุดออกไปจากบ้าน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่เจ้าของเดินทางไปต่างจังหวัด เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา

ซึ่งหลังจากที่แมวหลุด ได้มีเพื่อนบ้านคนหนึ่งแจ้งกู้ภัยให้มาจับแมว อ้างว่า กลัวแมวทำร้าย ทำให้เจ้าหน้าที่มาจับแมวใส่กระสอบ แล้วนำไปปล่อยที่บริเวณข้างทางแห่งหนึ่ง สภาพเป็นป่ารก ในเวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่เจ้าของกลับมาถึงบ้านในเวลา 16.00 น.

จากนั้นทางเจ้าของได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย แต่ไม่ว่าง และเมื่อทราบจุดที่แมวเจ้าสัวถูกนำมาปล่อย ทางเจ้าของก็ได้ออกไปตามหา ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่รก หญ้าสูง โดยหาจนค่ำก็ไม่พบแมวของตัวเอง โดยเจ้าของได้ตั้งคำถามว่า แมวพันธ์ุที่มีเจ้าของ หรือแมวที่ไม่มีเจ้าของ ก็ไม่สมควรนำเค้าไปปล่อยป่าแบบนี้ และทำไมไม่ลองโพสต์หน้าเพจตามหาเจ้าของ รอสัก 1-2 วัน แต่นี่ยังไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็นำไปปล่อยแล้ว ซึ่งหากใครเจอ แล้วนำมาคืนให้ จะมีรางวัลให้

ทั้งนี้ มีการแชร์ข้อความที่อ้างว่า เป็นเพจของเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้โพสต์ถามว่า ทำไมต้องต่อว่าพวกตน พร้อมชี้แจงว่า แมวตัวนี้หลุดออกมา แล้วมีคนโทรไปแจ้งกู้ภัยให้มาช่วยจับ อ้างว่าแมวจะกัด ซึ่งเจ้าหน้าที่เห็นว่าไม่มีปลอกคอ และว่าจุดที่นำไปปล่อยนั้น เป็นจุดที่ไม่ไกลบ้านคน นอกจากนี้ ยังบอกด้วยว่า จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ท้อ ไม่กล้าออกไปช่วยใครอีก พร้อมฝากถึงคนเลี้ยงสุนัขและแมวว่า ต้องดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดี อย่าให้หลุดออกมารบกวนเพื่อนบ้าน รวมถึงที่ปลอกคอ ควรเขียนเบอร์โทรติดไว้ 

...

แต่โพสต์ดังกล่าว กลับถูกคนในโลกโซเชียลเข้ามาต่อว่า จนกลายเป็น "ทัวร์ลง" ทำให้ต้องลบโพสต์ทิ้ง แต่ก็ยังมีคนตามไปโพสต์ต่อว่า ที่หน้าเฟซบุ๊กของเจ้าหน้าที่กู้ภัย

เช้าวันต่อมา เจ้าของได้กลับไปตามหาเจ้าสัวที่จุดเดิมอีกครั้ง พร้อมทั้งนำอาหารไปวางไว้ให้ กระทั่งช่วงเย็น ทางเจ้าของได้ไลฟ์สด ว่า พบน้องแล้ว อยู่ไม่ห่างจากจุดที่เจ้าหน้าที่นำน้องมาปล่อยมากนัก แต่น้องเสียชีวิตแล้ว โดยเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งผู้ที่เข้ามาติดตาม ก็เข้ามาให้กำลังใจ และแสดงความเสียใจกับเจ้าของด้วย 

ขณะที่ เฟซบุ๊กเพจ "มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์" ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเคสนี้ เอาไว้ว่า หลังจากที่ทางมูลนิธิฯ รับทราบเรื่อง ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่กู้ภัยทำหน้าที่ตามปกติ บวกกับการอ้างว่า ไม่ได้นำแมวไปปล่อยป่า แต่ปล่อยไว้ห่างจากหมู่บ้าน 300 เมตร จึงคิดว่าไม่น่าจะมีความผิด เพราะไม่ใช่ "เจตนาทารุณกรรมสัตว์" 

แต่หลังจากเปิดเผยข้อเท็จจริง ได้เห็นสถานที่ที่นำแมวไปปล่อย วิธีการจับแมวใส่กระสอบ และการใช้วิจารณญาณในฐานะอาสาสมัครกู้ภัย ที่ควรจะได้รับการอบรมวิธีการและแนวทางการช่วยเหลือทั้งคนและสัตว์ ทำให้เรื่องพลิกเป็นการเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์ เพราะการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่เดิมของสัตว์โดยน้ำมือมนุษย์ คือนำสัตว์ไปปล่อยในสถานที่ที่ไม่มีสวัสดิภาพสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมาแมวจร หรือหมาแมวมีเจ้าของ ก็ผิดทั้งนั้น ไม่มีข้อยกเว้น

โดยทางมูลนิธิฯ ให้เจ้าของที่แจ้งเรื่องร้องเรียนขอคำปรึกษาการดำเนินการนำร่างส่งแช่แข็งที่โรงพยาบาลสัตว์กรุงศรีฯ รอผลการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี หลังเจ้าของเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะอิน 

นอกจากนี้ ทาง "วอชด็อก ไทยแลนด์" ยังได้ลงความในใจ จากเจ้าของแมวเจ้าสัวไว้ด้วยว่า หลังจากที่รู้ว่าแมวหลุดออกไป ได้โทรแจ้งหน่วยอาสา ทางหน่วยรับเรื่องแล้วพูดปฏิเสธบอกว่า ไม่ว่างมาช่วยเหลือ หลังจากนั้นตัวเองและเพื่อนจึงได้ช่วยกันตามหา ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ไม่พบตัว 

จากนั้นจึงได้โทรตามอาสาที่นำแมวมาปล่อย ให้มาช่วยชี้จุดที่นำแมวมาปล่อย ซึ่งเขาพูดแค่เขาสามารถช่วยชี้จุดได้ แต่เขาไม่สามารถช่วยตามหาได้ ทำให้โมโหมาก จึงโพสต์ขึ้นหน้าเฟซบุ๊ก พร้อมติดแท็กชื่อมูลนิธิดังกล่าว ทำให้เกิดเรื่องราวขึ้น ซึ่งตอนที่ทราบว่าแมวอยู่กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตนรู้สึกปลอดภัย เพราะคิดว่าน้องปลอดภัยแล้ว ไม่คิดว่าจะเอาไปปล่อยป่า พร้อมยังอ้างด้วยว่า พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่อาสาชุดนี้พูดไม่ดี ขึ้นเสียงไม่ฟังเหตุผล ซ้ำยังเอาไปโพสต์ประจาน ข่มขู่

(อ่านเรื่องราวทั้งหมด ได้ที่นี่)

...

ที่มาจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand - WDT