สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจต่อเนื่องจากบทความสัปดาห์ที่แล้ว เกี่ยวกับหนี้ขาดอายุความ สืบเนื่องจากมีแฟนเพจหลายท่านสอบถามเข้ามาในเพจทนายเจมส์ LK ว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตบ้าง บัตรกดเงินสดบ้าง สินเชื่อส่วนบุคคลบ้าง แต่มูลหนี้เกิดขึ้นเกิน 10 ปีแล้ว แต่ทำไมยังถูกทวงถาม บางรายยังถูกเจ้าหนี้นำมูลหนี้ที่ขาดอายุความแล้วมายื่นฟ้องต่อศาลอีกด้วย

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ การที่เจ้าหนี้ทวงถามหนี้ที่ขาดอายุความแล้ว หรือนำมูลหนี้ที่ขาดอายุความแล้วมาฟ้องลูกหนี้นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ตามกฎหมายเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือใช้สิทธิทางศาลได้ภายในอายุความ โดยมูลหนี้แต่ละประเภทมีกำหนดอายุความแตกต่างกันออกไป และแม้มูลหนี้จะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่มูลหนี้ยังคงมีอยู่เช่นเดิม ไม่ได้ตกเป็นโมฆะ เพียงแต่ลูกหนี้มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการชำระหนี้ที่ขาดอายุความได้

ดังนั้น การที่เจ้าหนี้ทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้ แม้มูลหนี้นั้นจะขาดอายุความแล้ว ก็เป็นสิทธิที่เจ้าหนี้สามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย หากแต่ขึ้นอยู่กับลูกหนี้เองว่า จะชำระหนี้ที่ขาดอายุความนั้นให้แก่เจ้าหนี้หรือไม่

สิ่งที่ลูกหนี้ควรทราบ พฤติการณ์ดังจะกล่าวต่อไปนี้ มีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง และเริ่มนับอายุความใหม่ กล่าวคือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 อายุความย่อมสะดุดหยุดลงในกรณีดังต่อไปนี้

    (1) ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ให้ชำระหนี้ให้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย ให้ประกัน หรือกระทำการใดๆ อันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง
    (2) เจ้าหนี้ได้ฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้
    (3) เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
    (4) เจ้าหนี้ได้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา
    (5) เจ้าหนี้ได้กระทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดี

...

มีประเด็นที่น่าสนใจอีกว่า หากมูลหนี้ขาดอายุความไปแล้ว ลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไป จะมีผลทำให้อายุความเริ่มนับอายุความใหม่ หรือไม่

การชำระหนี้หลังจากที่มูลหนี้ขาดอายุความไปแล้ว ไม่มีผลทำให้อายุความเริ่มนับใหม่ และการที่ลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไป ทั้งที่มูลหนี้ขาดอายุความไปแล้ว ลูกหนี้ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินดังกล่าวคืนเอาจากเจ้าหนี้ด้วย

ส่วนการทำบันทึกข้อตกลงกันใหม่ หลังจากที่มูลหนี้ขาดอายุความไปแล้ว เรียกว่า “การรับสภาพความรับผิด” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/35 จะมีอายุความ 2 ปี ซึ่งเจ้าหนี้จะต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย ภายในอายุความด้วย หากล่วงเลยระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่เจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิทางศาลได้ ลูกหนี้ก็สามารถที่จะปฏิเสธการชำระหนี้ได้เช่นกัน

การเขียนบทความนี้ เป็นการให้ความรู้ด้านกฎหมาย ผู้เขียนไม่สนับสนุนให้ลูกหนี้หนีหนี้ หรือเบี้ยวหนี้ นะครับ เมื่อเป็นหนี้ก็ควรชำระ ต้องใช้หนี้คืน แต่จะขอผ่อนผันหรือตัดลดส่วนใดๆ ก็เจรจากันไป เจ้าหนี้เป็นผู้มีพระคุณเสมอ (ถ้าดอกเบี้ยไม่โหด) ไม่ควรสร้างเวรกรรมต่อกันนะครับ

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ