- กองทัพเปิดค่ายรับทหารเกณฑ์ผลัด 2/2563 เข้าสู่กรมกอง
- จัดตารางการฝึกทหารยุค New Normal ใส่ใจดูแลเหมือนน้องคนเล็ก
- เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด มีโอกาสก้าวหน้า เงินเดือนดี สวัสดิการเยี่ยม
การได้เข้ามาเป็นรั้วของชาติครั้งหนึ่งในชีวิตของ "พลทหาร" ถือเป็นการทำหน้าที่ลูกผู้ชาย เพราะนอกจากได้ทำหน้าที่รับใช้ชาติแล้ว ยังได้ฝึกวินัย ความมีระเบียบ รู้จักอดทนต่อความยากลำบาก ความเหนื่อย และปัจจุบันเขตทหารยังได้เปิดกว้างให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ชายหรือหญิง ที่ต้องการเข้ามาสัมผัสชีวิตทหารในกรม กอง เพราะการเป็นทหารไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเหมือนเมื่อก่อน
โดยเฉพาะ "กองทัพบก" ยุค "บิ๊กบี้" พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ให้ความสำคัญกับ "ทหารใหม่" หรือ "ทหารเกณฑ์" โดยกำชับให้ผู้บังคับหน่วยจะต้องใส่ใจดูแลบุคคลเหล่านี้ ที่เสียสละมารับใช้ชาติ เหมือนลูกหลาน เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันและให้เกียรติเป็น "น้องคนเล็ก" การจะฝึกโหด ซ้อมหนัก ลงโทษ ซ่อม แตะเนื้อต้องตัวจะต้องไม่เกิดขึ้น

...
ในห้วง 1-3 พ.ย.63 "กองทัพ" ได้เปิดหน่วยและค่ายทหารทั่วประเทศต้อนรับ ทหารใหม่ผลัด 2/2563 เข้ารายงานตัวต่อจังหวัดทหารบก หรือ มณฑลทหารบก เพื่อทำการคัดแยกกระจายให้เขาประจำการตามหน่วยต่างๆ ทั่วประเทศโดยทหารเกณฑ์ปี 2563 "กองทัพ" มีความต้องการยอดทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกองประจำการจำนวน 97,324 คน ซึ่งน้อยกว่าปี 2562 ประมาณ 4,500 คน เนื่องจากมียอดของทหารที่ยังอยู่ในประจำการเหลื่อมปีมีอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งที่เข้ารับใช้ชาติใน ผลัด 1/63 ได้เข้ากรม กองพัน ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อ 1-3 กันยายนที่ผ่านมา
เพราะหลังโดนพิษโควิด-19 ทำให้การตรวจเลือกทหารต้องเลื่อนระยะเวลาออกมา ทั้งนี้ "กองทัพ" ได้กำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามนโยบายป้องกันโควิด ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และนโยบายวินัยทหารต้านโควิด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับกำลังพล ผู้ปกครองและญาติ จึงมีการจัดกิจกรรมเปิดค่ายและหน่วยฝึกทหารใหม่ "Open House" ให้ครอบครัวและญาติเข้าเยี่ยมชม พร้อมได้รู้จักผู้บังคับหน่วยทหารและบุคลากรทุกระดับชั้น ทั้งยังได้เห็นสถานที่ ความเป็นอยู่เพื่อรับทราบกระบวนการฝึกทหาร การศึกษาต่อระหว่างประจำการ การฝึกอาชีพเสริม การพัฒนาสมรรถภาพร่างกาย

เฉพาะนโยบายของ"กองทัพบก" ที่เพิ่มโอกาสให้ทหารกองประจำการได้ต่อยอดสู่การเป็นทหารอาชีพมากยิ่งขึ้น เช่น การสอบบรรจุเข้ารับราชการทหาร การสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนนายสิบ ที่สำคัญในระหว่างประจำการจะมีการส่งเสริม ให้เข้าศึกษาหลักสูตรส่งทางอากาศ เพื่อได้สิทธิ์เข้าศึกษาต่อ เป็นนักเรียนนายสิบทหารบกต่อไป
นอกจากนี้ จัดโครงการลบรอยสักทหารกองประจำการ และปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับผู้ที่มีรอยสัก เพื่อลดข้อจำกัดในการเข้ารับราชการและเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด ซึ่งปีนี้กองทัพบกได้ปรับหลักสูตรการฝึกทหารใหม่เบื้องต้น เหลือ 6 สัปดาห์ แต่ยังคงดำรงมาตรฐานการฝึกและพัฒนาศักยภาพไว้อย่างครบถ้วน พร้อมกับเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไว้ในหลักสูตรด้วย

ที่ผ่านมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. มักจะเดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่อยู่เสมอ ล่าสุดได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.)เพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของ พลทหาร ณ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 จ.กระบี่ พร้อมพบปะน้องๆ ทหารใหม่ เดินทักทาย ตรวจเยี่ยมกรรมวิธีในการรับทหารใหม่ การแจกจ่ายของใช้ประจำตัวทหาร การตรวจร่างกายของพลทหารก่อนเริ่มการฝึก แบบใกล้ชิดเป็นกันเอง เพื่อให้กำลังใจ ให้ตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่ ทั้งยังกำชับและสั่งการ ผบ.หน่วยฝึก ผู้ฝึกทหารใหม่ ด้วยตัวเอง ให้กำกับดูแล "น้องคนเล็ก" อย่างใกล้ชิด
...
จะเห็นว่า นโยบายการดูแลทหารเกณฑ์ ให้เหมือนน้องคนเล็ก หรือครอบครัวเดียวกัน ได้ริเริ่มตั้งแต่สมัย "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นผบ.ทบ. ที่ย้ำต่อหน่วยทหารต่าง จะดำเนินการฝึกและการพัฒนาศักยภาพทหารใหม่ในทุกมิติสู่ภายใต้มาตรการการควบคุมโควิด-19 และการดำเนินชีวิตแบบใหม่ (New Normal) อย่างเคร่งครัด

ขณะเดียวกันได้ย้ำหน่วยฝึกทุกหน่วยได้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด โดยเมื่อเข้าประจำการจะได้รับการฝึกเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ ในหลักสูตรพื้นฐานและแบบธรรมเนียมทหาร พร้อมกับการพัฒนาสมรรถภาพร่างกายเพื่อให้มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ และทราบสิทธิประโยชน์ที่ทหารกองประจำการได้รับ อาทิ เบี้ยเลี้ยงเงินเดือน เครื่องแต่งกาย การรักษาพยาบาล และได้รับการคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่กองทัพบกจัดทำประกันชีวิตให้
"ทหารกองประจำการถือเป็นกำลังพลหลักที่สำคัญของกองทัพบก อีกส่วนหนึ่งที่กองทัพบกได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการเสริมสร้างกำลังรบให้มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
...

ความห่วงใยของผู้บังคับบัญชาต่อทหารใหม่ ในยุค New Normal ยังได้จัด ตารางการฝึก ช่วงต้น จากเดิมฝึก 10 สัปดาห์เหลือ 6 สัปดาห์ ช่วงการฝึกจาก 500 เหลือ 300 ชม. ที่ลดไปใน 200 ชม.ลดในทุกสาขาวิชา เช่น การดำเนินกรรมวิธีฝึกทหารใหม่ จาก 30 ชม. เหลือ 27 ชม.ฝึกท่าบุคคลเบื้องต้น จาก 78 ชม. เหลือ 39 ชม.แต่ยังฝึกเข้มข้น เน้นย้ำให้การฝึกจากเบา ไปหนัก รวมถึงเรื่องความเข้มแข็งในร่างกาย และเข้มงวดเรื่องยาเสพติดด้วย อย่างไรก็ตาม จะฝึกและตรวจสอบไปพร้อมๆ กัน โดยลดชั่วโมงการตรวจสอบจาก 19 ชม. เหลือ 14 ชม. แต่ยืนยันความเข้มข้นการฝึก และการตรวจสอบจะเป็นไปตามมาตรฐานเดิม
นอกเหนือจากการฝึกแล้ว ยังสร้างแรงจูงใจ ให้โอกาส และส่งเสริมความก้าวหน้าในการรับราชการแก่ทหารกองประจำการ ด้วยการจัดสรรโควตาให้กับทหารกองประจำการที่มีความรู้ มีคุณสมบัติ มีอุดมการณ์ ผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายและการสอบภาควิชาการจากกองทัพภาค และกรมยุทธศึกษาทหารบก ให้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรส่งทางอากาศ และเมื่อจบหลักสูตรจะสามารถเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนักเรียนนายสิบเหล่าทหารราบเป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการทหารในสังกัดกองทัพบก
...

ที่ผ่านมา มีทหารกองประจำการที่เข้ารับการทดสอบภาควิชาการเข้าเป็นนักเรียนนายสิบเหล่าทหารราบ ของทหารกองประจำการจากทั่วประเทศ ที่ผ่านการทดสอบร่างกายมาจากกองทัพภาค จำนวน 1,120 นาย ซึ่งสนามสอบภาควิชาการเป็นการจัดสอบในภาพรวมของกองทัพบกเป็นครั้งแรก และผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญในกระบวนการสอบคัดเลือกที่จะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ได้ผู้ผ่านการทดสอบที่มีความรู้ทางการทหาร และมีทัศนคติที่ดี
ที่สำคัญ "กองทัพบก" ให้โอกาสทหารกองประจำการในการเข้ารับราชการทหารตามความรู้ความสามารถในหลายช่องทาง โดยเฉพาะสิทธิพิเศษในการสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก และนักเรียนนายสิบเหล่าทหารราบมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสมัครสอบเป็นนายทหารประทวน พลอาสาสมัคร หรือตำแหน่งอื่นๆ ที่หน่วยทหารเปิดบรรจุ เพราะทหารกองประจำการเป็นกำลังพลที่มีทักษะพื้นฐานด้านทางทหาร หากได้รับโอกาสและการส่งเสริมจะสามารถปฏิบัติงานในฐานะทหารอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"จากนโยบายการตรวจเลือกทหารในปีนี้ นอกจากจะเน้นเรื่องมาตรการป้องกัน COVID-19 แล้ว กองทัพให้ความสำคัญกับการเชิญชวนให้ชายไทยสมัครเป็นทหาร ตั้งแต่ช่วงการแก้ไขหมายเรียก โดยมีการเพิ่มคะแนนพิเศษเพื่อต่อยอดสู่การเป็นทหารอาชีพ ส่งผลให้การตรวจเลือกมีผู้สมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการถึง 41,406 นาย คิดเป็นร้อยละ 44.72 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา ถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของกองทัพที่ดำเนินการตรวจเลือกแบบผสมผสาน คือ เปิดโอกาสให้มีการสมัครเป็นทหารก่อน จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกฯ"
ทั้งนี้ มีหลายเหตุผลที่ทำให้ชายไทยตัดสินใจสมัครเป็นทหาร การได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเอง และสิทธิพิเศษที่กองทัพปรับเพิ่มให้สามารถต่อยอดสู่การเป็นทหารอาชีพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นความชอบส่วนบุคคลในอาชีพทหาร ต้องการพัฒนาและเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว สวัสดิการที่กองทัพมอบให้ ภาพลักษณ์ที่ดีของทหารที่ช่วยดูแลประชาชน รวมทั้งอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและดูแลบ้านเมือง

จะเห็นว่า "ทหารใหม่" หลังได้รับการฝึกไป 1 สัปดาห์ จนกระทั่งถึงเดือน จะรู้สึกมีความภูมิใจอย่างยิ่ง เมื่อได้รับเงินค่าตอบแทน เงินเดือน เดือนแรก ที่กองทัพบก ร่วมกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ดำเนินการจ่ายผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการทางสังคม (e-social welfare) เข้าสู่บัญชีธนาคาร ซึ่งได้เปิดไว้กับธนาคารของรัฐ ตั้งแต่เข้าประจำการ โดยค่าตอบแทนมี เงินเดือนตามขั้น บวกกับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว รวมแล้ว 7,120 บาท ทั้งเบี้ยเลี้ยง ซึ่งถือเป็นการสร้างความปลาบปลื้ม ที่ทหารใหม่หลายรายได้มอบให้ครอบครัวในวันพบญาติ
นอกจากนี้ การใส่ใจของ ผู้บังคับหน่วย ยังให้คำแนะนำเรื่องการเก็บออมและการใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการจัดสรรรายได้ให้กับบุพการีและครอบครัว ถือเป็นการช่วยเหลือในสภาวการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิค-19 อีกทาง โดยทหารกองประจำการสามารถทำธุรกรรมทางการเงิน หรือโอนให้กับครอบครัว ผ่านระบบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และบัตรเอทีเอ็มประจำตัว

"แม้เงินค่าตอบแทนเดือนแรกจะเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก แต่หากมีการบริหารจัดการที่ดีบนพื้นฐานของความพอเพียง จะสามารถดำรงตนได้อย่างเหมาะสม มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดการเป็นทหารกองประจำการ"
หลายหน่วยทหารในวันที่ "พลทหาร" ถึงวันปลดประจำการ ผู้บังคับบัญชา ยังได้มอบสมุดเงินฝากที่หน่วยริเริ่มให้พลทหารออมเงินไว้เป็นทุนภายหลังจากที่ปลดประจำการไปแล้ว ซึ่งทหารเหล่านี้จะมีเงินฝากสะสมติดตัวกลับไปคนละประมาณ 4-9 หมื่นกว่าบาท จะเห็นว่าเงินจำนวนนี้พลทหารจะนำไปเป็นทุนในการศึกษาต่อ หรือลงทุนทำกิจการภายหลังจากที่ได้อบรมวิชาชีพตามโครงการ "ทหารพันธุ์ดี" และบางส่วนก็จะนำไปมอบให้บิดามารดาและไว้ใช้จ่ายในครอบครัวในระหว่างที่หางานทำ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างความมั่นคงในอาชีพให้กับน้องๆ พลทหารภายหลังจากที่ปลดประจำการไปแล้ว

ซึ่งเป็นสิ่งที่พลทหารเหล่านี้ได้รับนอกเหนือจากความมีระเบียบวินัย ความมีอุดมการณ์ และความรู้ในด้านวิชาชีพ ที่หน่วยได้ปลูกฝังให้ในระหว่างที่รับราชการ และเป็นการสร้างคนดีให้กับสังคมอีกด้วย
"กองทัพ" จึงพร้อมดูแลทหารใหม่อย่างดีที่สุด เสมือนเป็นลูกคนสุดท้อง "น้องเล็ก" ของกองทัพบก ซึ่งมีนโยบายเน้นย้ำแนวทางปฏิบัติภายใต้แนวคิด "เราจะดูแล ฝึกอบรม ลูกหลานของท่านเสมือนญาติมิตร จะดูแลด้วยใจ ห่วงใยดั่งคนในครอบครัว".




ผู้เขียน : คชสีห์ 88
กราฟิก : Taechita Vijitgrittapong