ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุหลัก 41 ล้านอย่างเป็นทางการ เสียชีวิตกว่า 1 ล้านคน บริษัทผลิตวัคซีนของจีนปักหมุดเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิดที่ปักกิ่งและอู่ฮั่น เมืองต้นตอการระบาดไวรัสมรณะ “บิ๊กตู่” ถก ศบค.ขอบคุณทุกหน่วยงานร่วมแก้โควิด ยังไม่เคาะลดวันกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วน “อนุทิน” สั่งดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีนชุดแรกที่มาไทยอย่างดี กำชับระมัดระวังพื้นที่ชายแดน ส่วนผลตรวจเชื้อโควิด 40 นักท่องเที่ยวจีนหลังเดินทางถึงไทยเป็นลบทุกคน
ความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 41 ล้านคนอย่างเป็นทางการ เสียชีวิตรวม 1.13 ล้านคน ที่สหรัฐอเมริกา พบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 59,594 คน เสียชีวิตรายใหม่ 831 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 8.57 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 226,000 คน ตามด้วยอินเดีย พบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 54,422 คน ยอดติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 7.65 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 116,000 คน ส่วนฝรั่งเศส และอังกฤษ สภาพยังน่าวิตกกังวล พบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 20,468 คน และ 21,331 คน ตามลำดับ
...
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ประเมินว่า อาจมีการตกสำรวจจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 และในช่วงเดือน ก.พ.-ก.ย. ปีนี้ สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุต่างๆรวม 2.1 ล้านคน เพิ่มจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน กว่า 300,000 คน หน่วยงานเชื่อว่าการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมา อาจเกี่ยวข้องกับการที่ประชาชนไม่กล้าไปโรงพยาบาล เนื่องจากกลัวติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เสียชีวิตจากโรคที่เป็นอยู่แต่เดิม อย่างโรคหัวใจ ส่วนคณะทำงานทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นางเมลานี ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งผู้นำสหรัฐฯยกเลิกกำหนดการเดินสายหาเสียงร่วมกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะนับตั้งแต่ถูกตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 1 ต.ค. ยังมีอาการไออย่างต่อเนื่อง แต่สภาพร่างกายโดยรวมถือว่าดีขึ้นมาก
วันเดียวกัน นายหลิว จิงเจิน ประธานกลุ่มบริษัทเวชภัณฑ์ซิโนฟาร์มของจีน เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่กรุงปักกิ่งและเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ต้นตอการแพร่ระบาด เบื้องต้นคาดว่า โรงงานจะมีกำลังการผลิตวัคซีนในปีหน้า 1,000 ล้านโดส และมุ่งเป้าการผลิตวัคซีน 2 ตัวของจีนที่มีความเป็น ไปได้ว่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด อย่างของซิโนฟาร์ม ก็ทดสอบกับอาสาสมัคร 50,000 คนใน 10 ประเทศ มีผลน่าพึงพอใจ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันที่ 21 ต.ค.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศ ไทย เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ว่า แสดงให้เห็นว่าเขามั่นใจในประเทศไทย มาตรการที่รองรับก็มีความปลอดภัย นักท่องเที่ยวชุดแรกนี้มาจากกว่างโจว 40 คน ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้อำนวยความสะดวกเขาทุกเรื่อง และเรายังคงมาตรการกักตัว 14 วัน กรมควบคุมโรคเสนอว่าอยากให้ลดเหลือ 10 วัน ได้ให้ความเห็นไปว่าถ้าเรามั่นใจก็ไม่ต้องไปกลัว กักตัวกี่วันแล้วปลอดภัยที่สุดก็เท่านั้น
เมื่อถามว่าจะมีการพิจารณาประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดเป็นอย่างดี เหมือนกับไทยก่อนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ประเทศที่มีการควบคุมการระบาดที่ดี เราจะพิจารณาลดหย่อนให้มากขึ้น ประเทศไหนที่มีการระบาดเยอะอยู่ต้องหาวิธีที่จะทำให้เกิดความสะดวกมากที่สุด แต่คงไม่เท่ากันทุกประเทศ ขณะนี้เรามีการทำพาร์ตเนอร์กับประเทศต่างๆอยู่ แต่เราจะปล่อยให้เข้าออกตามสะดวกเหมือนบางประเทศในยุโรปไม่ได้ เพราะการระบาดจะกลับมาอีก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือการลักลอบเข้าประเทศ โดยเฉพาะ อ.แม่สอด จ.ตาก
เมื่อถามว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ในวันนี้ยังมีความจำเป็นต้องใช้ถึงสิ้นเดือนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องหารือใน ศบค. กระทรวงสาธารณสุขจัดเตรียมข้อมูลไว้ เพราะมีหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่การแพร่ระบาดของโรคอย่างเดียว แต่มีเรื่องความพร้อมการดูแล การเฝ้าระวังต่างๆ ต้องฟังจากทุกหน่วยงาน
ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนจากเซี่ยงไฮ้ ที่เดินทางมาไทยด้วยวีซ่าเอสทีวีที่อยู่ได้นาน 90 วันแต่ต้องกักตัวให้ครบ 14 วันจึงจะออกท่องเที่ยวได้นั้น จากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางถึงไทย ผลตรวจไม่พบเชื้อทุกคน ส่วนยอดนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทยโดยวีซ่าเอสทีวีจนสิ้นสุดเดือนนี้มีรวม 300 คนเป็นชาวจีนทั้งสิ้น จากนั้นต้นเดือนหน้าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรป
...
บ่ายวันเดียวกันที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์ ศบค.ชุดใหญ่ ก่อนเริ่มประชุมนายกฯได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงาน รวมทั้งฝ่ายการเมือง ที่ช่วยกันทำงานจนมาถึงทุกวันนี้ ศบศ.ได้กำหนดมาตรการต่างๆออกมามีการปรับแนวทางให้สอดคล้องกับทั่วโลก สิ่งสำคัญวันนี้ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ได้ในทุกมิติ รัฐมนตรี และข้าราชการทุกคน ต้องช่วยกันชี้แจง
ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่มีมาตรการลดจำนวนวันกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทย กำลังหารืออยู่ว่าทำอย่างไรจะสั้นลงได้บ้าง จะมีมาตรการทางสุขภาพอย่างไร เพื่อให้เศรษฐกิจและสุขภาพไปได้ด้วยกัน แต่ต้องเป็นมาตรการที่ทันสมัยขึ้น เป็นข้อเสนอหารือมาแต่ยังไม่ตัดสินใจ ต้องหามาตรการความพร้อมเครื่องไม้ เครื่องมือต่างๆ การตรวจจากเดิมที่ตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกอย่างเดียว วันนี้มีการตรวจเจาะเลือดขึ้นมาใหม่อีก เพื่อตรวจได้บ่อยมากขึ้น ค่าใช้จ่ายถูกลง ทำนองนี้ โดยรัฐบาลจะดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด
...
ขณะเดียวกัน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานสถานการณ์วันที่ 21 ต.ค.ว่า พบผู้ป่วยใหม่ 9 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ โดยมาจากสหรัฐอเมริกา 1 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 คน โมร็อกโก 1 คน โปรตุเกส 1 คน ซูดานใต้ 3 คน โอมาน 1 คน ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,709 คน เสียชีวิตคงที่ 59 คน
ส่วนสถานการณ์ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ผู้ป่วยชาวไทย 2 รายที่ป่วยโควิดเข้ารักษาตัวใน รพ.แม่สอด ขณะนี้หายแล้วและกลับบ้านได้ คงเหลือรักษาใน รพ.แม่สอด 5 ราย เป็นชาวเมียนมา ขณะที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ยังคงมีแรงงานชาวเมียนมาที่เดินทางมาจาก กทม.และพื้นที่ ใกล้ร่วม 100 คน เดินทางกลับบ้านเกิดเนื่องจากมีการประสานงานระหว่างตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ที่ยอมให้แรงงานชาวเมียนมากลับมาตุภูมิได้ แต่จะเข้าประเทศไทยไม่ได้ ส่วนรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ จำนวนกว่า 50 คันที่เดินทางจะข้ามไปส่งสินค้าฝั่งเมียนมา ยังต้องจอดรอตามถนนสายต่างๆ เพื่อรอการเปิดด่านอีกครั้งแต่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดเมื่อใด