ชื่อชั้น “บิ๊กต่อ” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. นายตำรวจที่ถูกจับตามองเส้นทางรับราชการด้วยรูปแบบทำงานที่เข้มแข็งในบทบาทผู้นำหน่วยกำลังหลัก ตร.และบทบาทสังคมที่ได้รับเสียงชื่นชมในภาพ “จิตอาสา” และเป็น “สะพานบุญ” กระจายความช่วยเหลือลงไปสู่ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ถูกขนานนามว่าเป็น “มือปราบสายบุญ”
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ถือว่าเป็น “ลูกหม้อ บช.ก.” แต่ละตำแหน่งก้าวกระโดดสู่ ผบช.ก. เติบโตในหน่วย บช.ก.นานกว่า 21 ปี ทำงานอยู่ในหน่วยกำลังหลักกองปราบปราม 18 ปี ตั้งแต่รอง สว.ผ.3 กก.2 ป. รอง ผกก.2 ป. ผกก.ปพ. รอง ผบก.ป. รอง ผบช.ก.ทำให้เป็น “นาย” ที่มีความเข้าใจบทบาทหน้าที่ และเข้าถึงความรู้สึกของลูกน้องของหน่วยกำลังพิเศษเป็นอย่างดี เป็นความคาดหวังพี่น้องประชาชนกับสโลแกนที่ว่า...เป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์บอกว่า “นโยบายที่ ผบ.ตร.กำหนดมาดีอยู่แล้ว “ตำรวจเป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” มีเรื่องขอแค่ 3 ประการ ซึ่งไม่ใช่นโยบาย แต่เป็นแนวทางการบริหารราชการให้สอดรับการปฏิบัติตามนโยบาย ตร. เรื่องแรกคือ การถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์อย่างสมพระเกียรติ ส่วนเรื่องที่ 2 คือการผดุงความยุติธรรม ที่จะต้องดูแลปกป้องชีวิตทรัพย์สินพี่น้องประชาชน จะเน้นไปที่เรื่องการควบคุมและจัดการกลุ่มผู้มีอิทธิพล และดำเนินการตามกฎหมาย การคุกคาม สร้างความหวาดกลัวผู้คนในสังคม โดยเฉพาะกองปราบปรามคาดหวังเป็นที่พึ่งสุดท้าย หากเขาไม่สามารถพึ่งพาตำรวจพื้นที่ได้แล้ว จึงมาหาพวกเรา”
...
“สุดท้ายคือเรื่อง “จิตอาสาพระราชทาน” ซึ่งเป็นพระบรมราโชบายของในหลวงรัชกาลที่ 10 นำมาเป็นตัวเชื่อมให้ประชาชนเกิดความรักความสามัคคี ลดความแตกแยก ได้ลงพื้นที่ชี้แจงให้หน่วยราชการต่างๆ เข้าใจถึงความตั้งใจของในหลวงที่ให้ทำงานแบบปิดทองหลังพระ”

“บช.ก.ถือเป็นกองกำลังพิเศษของ ผบ.ตร. เป็นส่วนสำคัญที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน และมี บก.ที่ถือ พ.ร.บ.พิเศษ มีอำนาจหน้าที่สอบสวนดำเนินคดีผู้ทำผิดกฎหมาย งานสนับสนุนคดีที่เกินขีดความสามารถตำรวจท้องที่ บช.ก.ลงไปแล้วต้องจับ งานจบปล่อยให้พื้นที่ ไม่เป็นพระเอก จะทำหน้าที่หน่วยงานสนับสนุน ทำงานร่วมกับท้องที่ สนับสนุนกำลังหน่วยพิเศษเครื่องมือพิเศษและเทคนิค ไม่ไปเด็ดยอดงานท้องที่ งานจบถอนกลับทันที”
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ย้ำแนวทางขับเคลื่อนหน่วยกำลังหลัก “บช.ก.ต้องเชิงรุก ปั้นงาน จับงาน ทำคดีตั้งแต่เริ่มต้น สืบสวน จับกุม ขยายผล ต้องทำงานเฉพาะทาง แต่ละ บก.ต้องเกาะติดงานตั้งแต่เริ่มต้นเน้นเรื่องเดือดร้อนของประชาชน ทำเป็นขบวนการ เครือข่ายที่สลับซับซ้อน นอกเหนืองานของท้องที่”
“คำสั่งนี้ บช.ก.ได้คนที่เติบโตในหน่วย รอง ผบช.ก.และ ผบก.ขึ้นมาจากคนในหน่วย จะมาเป็นตัวขับเคลื่อนงาน รู้คน รู้งาน รู้หน้าที่ รู้กันดีอยู่แล้วว่าใครเป็นใคร ไม่ต้องรอ ทำงานได้ทันที ไม่ต้องมาไหว้ครู ชกได้เลย เพราะคิดว่าทุกคนรู้จักตัวตนรู้ใจกันอยู่แล้วว่า ช่วงที่ทำงานตนเองยึดแนวที่ว่า “รับคำสั่ง ทวนคำสั่ง ทำทันที รายงานผล” วันนี้มาเป็น ผบช.ก.ต้องรู้แล้วว่า สั่งแล้วต้องทำเลย ไม่มีคำว่าเดี๋ยว คนดีคนทำงานต้องดูแลเต็มที่ คนไม่ทำงานสร้างปัญหาต้องเล่นงาน เช่นเดียวกับคนร้ายที่เป็นภัยอันตรายประชาชนประเทศชาติปล่อยไว้ไม่ได้”
“ที่นี่ตำแหน่งเลือกคน ไม่ใช่คนเลือกตำแหน่ง ได้ให้สิทธิ์ผู้การแต่ละบก.ในการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะรู้ดีว่าใครเป็นใคร เหมาะสมตำแหน่งไหน วันนี้ปลูกถ่ายเมล็ดพันธุ์ที่ดี เพื่อเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนไว้ให้ได้มากที่สุดที่เหลือก็ต้องฝากน้องๆช่วยกันใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดินต่อไปแล้ว” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์บอกถึงแนวทางแต่งตั้งโยกย้าย ในสังกัด บช.ก.

...
ความเป็นอยู่ของครอบครัวตำรวจ “บิ๊กต่อ” ย้ำว่า “สวัสดิการความเป็นอยู่ครอบครัวตำรวจ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด คุณนิภาพรรณ สุขวิมล ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจ บช.ก. จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนร่วมกับชมรมแม่บ้าน ทำหน้าที่ “หลังบ้าน” ดูแลความเป็นอยู่ครอบครัวตำรวจ สร้างอาชีพเสริมแม่บ้านที่ไม่มีงานทำ จะนำโครงการปลูกผักปลอดสารพิษที่ “จิตอาสา 904” ทำแล้วเป็นประโยชน์และสร้างรายได้จริง สร้างเป็นอาชีพครอบครัวตำรวจใน บช.ก.”
เป็นแนวคิดง่ายๆของ “บิ๊กต่อ” ผู้นำที่รู้จักหน่วย รู้จักคน รู้จักหน้าที่เป็นอย่างดี.
ทีมข่าวอาชญากรรม