กระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนในการเดินทางไกลเป็นหมู่คณะ ควรมีการวางแผนและศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง พร้อมเตือนผู้ขับขี่ 3 ข้อ ก่อนขับรถผ่านจุดตัดทางรถไฟ

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์อุบัติเหตุรถไฟชนกับรถทัวร์ที่เดินทางไปทอดกฐิน เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมากนั้น กรมควบคุมโรค ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางถนนว่า จากรายงานการบูรณาการข้อมูลผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558-2562) ประเทศไทยสูญเสียพี่น้องคนไทยให้กับอุบัติเหตุไปกว่า 1 แสนราย (103,147 ราย) และมีแนวโน้มลดลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งในช่วงออกพรรษาประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนจะเป็นช่วงของการเดินทางทำบุญทอดกฐินของคนไทย พบว่า 2 เดือนดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 5 ปี จำนวน 3,448 ราย ซึ่งสูงกว่าช่วงเข้าพรรษา (กรกฎาคม-กันยายน) ร้อยละ 13.48

นอกจากนี้ จากสถิติของกระทรวงคมนาคมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟ จำนวน 383 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 138 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 371 ราย โดยเฉลี่ยเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟประมาณ 77 ครั้งต่อปี มีผู้เสียชีวิต 28 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 74 ราย

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคฝากความห่วงใยถึงผู้ขับขี่ทุกคน โดยขอให้ยึดหลัก 3 ข้อ ก่อนขับรถผ่านเส้นทางจุดตัดทางรถไฟเพื่อความปลอดภัย ดังนี้

1. ควรเพิ่มความระมัดระวังการขับขี่ โดยเฉพาะในเส้นทางจุดตัดทางรถไฟที่ไม่ชำนาญเส้นทาง

2. หมั่นสังเกตป้ายเตือนสัญลักษณ์ทางรถไฟ ควรชะลอความเร็วและหยุดรถก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟ พร้อมมองซ้ายและขวาจนแน่ใจจึงค่อยขับรถข้ามจุดตัดทางรถไฟ และหากมีสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางรถไฟ ไม่ควรหยุดหรือจอดรถคร่อมรางรถไฟเป็นอันขาด

...

3. เมื่อมีสัญญาณไฟเตือนว่ารถไฟกำลังมา และแผงไม้กั้นจะค่อยๆ ปิดลงมา ควรหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟในระยะไม่ต่ำกว่า 5 เมตร ไม่ควรเร่งความเร็วและข้ามทางรถไฟขณะไม้กั้นค่อยๆ ปิดลง เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ นอกจากนี้ไม่ควรเปิดเพลงในรถเสียงดังเกินไป เพราะอาจไม่ได้ยินเสียงเตือนจากรถไฟ

อย่างไรก็ตาม จากสถิติอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ ข้อมูลจากศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ปี 2559 เกิดอุบัติเหตุถึง 239 ครั้ง หรือ 19 ครั้งต่อเดือน โดยเป็นรถประจำทาง 187 ครั้ง และรถรับจ้าง 52 ครั้ง กรมควบคุมโรคจึงขอแนะนำประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไกลเป็นหมู่คณะ ควรมีการวางแผนและศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง และเลือกผู้ประกอบการรถทัวร์เช่าเหมา เพื่อความปลอดภัยของคณะเดินทางทั้งหมด ด้วย 3 วิธีเลือก ดังนี้

1. เลือกรถเช่าที่จดทะเบียน มีการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย หลีกเลี่ยงรถโดยสาร 2 ชั้นในเส้นทางโค้งและมีความลาดชัน เพราะจากข้อมูลศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย พบว่า รถโดยสารสองชั้นมีโอกาสพลิกคว่ำได้ง่ายกว่ารถชั้นเดียวถึง 8 เท่า

2. เลือกผู้ประกอบการที่มีสมุดประจำรถ มีการตรวจสภาพความพร้อมของรถ และพนักงานขับรถประจำ จัดทำประกันภัยให้ครอบคลุมผู้โดยสารทั้งหมด

3. เลือกคนขับ โดยการตรวจสอบชื่อ-สกุล เลขที่ใบอนุญาตขับรถ ไม่เสพสารเสพติดและแอลกอฮอล์ ชำนาญเส้นทาง มีใบอนุญาตขับรถตรงตามประเภทของรถ เลือกรถให้เหมาะสมกับการเดินทาง โดยเน้นให้ผู้เช่ารถ เลือกรถที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยครบถ้วน เข็มขัดนิรภัยสามารถใช้งานได้ทุกที่นั่ง มีค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง และทางออกฉุกเฉินพร้อมใช้งาน

สำหรับในช่วงเดือนตุลาคมนี้เป็นช่วงที่มีลมพายุ ฝนตกหนักในบางพื้นที่ ทำให้มีน้ำท่วมขัง ถนนลื่น ผู้ใช้รถใช้ถนนควรศึกษาเส้นทางก่อนเดินทางไกล ใช้ความระมัดระวัง ไม่ขับรถเร็ว เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัดนิรภัย รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่และซ้อนท้าย หากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุให้โทร. 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพฉุกเฉินทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422.