ผู้ปกครองเผย โรงเรียนสารสาสน์ยังไม่คืนค่าเทอม และไม่มีใครติดต่อเข้ามาเลย เศร้าลูกเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง นำพฤติกรรมที่โรงเรียนมาใช้ที่บ้าน
วันที่ 5 ต.ค. 2563 ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยในรายการ ถามตรงๆ กับจอมขวัญ ว่า เหตุผลที่เข้ามาช่วยทำคดี เนื่องจากเราเห็นเด็กถูกทำร้ายหลายคน เราอยากทำให้มันกระจ่างในแง่การคุ้มครองสิทธิของเด็กและเยาวชนในประเทศไทย ว่าทำไมมันถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้ นั้นคือวัตถุประสงค์ที่เราเข้ามาช่วยคดีนี้
ทางด้าน คุณพ่อเด็กเตรียมอนุบาล เผยว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝ่ายไหนเลย ทั้งครู พี่เลี้ยง ฝ่ายบริหาร ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามาเลย โดยพ่อแม่ได้เห็นคลิปย้อนหลังแค่ 3 วัน แต่จากข้อมูลคือเพิ่งติดกล้องเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เป็นระบบเล็กสามารถดูย้อนหลังได้แค่นั้น
ก่อนหน้านี้ น้องบอกตลอดว่าไม่อยากไปโรงเรียน แต่แม่คิดว่าเป็นธรรมดาของเด็ก คิดว่างอแงตามประสา แต่ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนที่จะเกิดเหตุ ตอนรถตู้มารับน้องจะพูดตลอดให้พ่อขึ้นรถด้วย โดยภายนอกน้องยังมีความสนุกสนานไร้เดียงสาอยู่ แต่เวลาเค้านอนหลับน้องออกอาการตามที่เห็นในคลิปเลย ซึ่งตอนแรกคิดว่าเค้านอนฝันร้ายเฉยๆ
นอกจากนี้ ไม่เคยเจอครู เพราะพ่อแม่ทำงานทุกวัน น้องจะต้องนั่งรถตู้ไปโรงเรียน แต่มีครั้งแรกที่แม่พาน้องไปส่งที่โรงเรียนแต่ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด-19 จึงไม่ให้ผู้ปกครองไปส่งที่ห้อง โดยเคยคุยกับคุณครูครั้งเดียวทางโทรศัพท์เท่านั้น
แม่ของเด็กอนุบาล 1 เผยว่า ทางโรงเรียนไม่เคยติดต่อมาเลย ทุกอย่างเงียบมาก ถ้าเราไม่วิ่งจัดการเองก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เอกสารขอโทษ รับรองให้ไปโรงเรียนอื่นกลางคันก็ยังไม่มีออกมาให้ คือทุกอย่างเงียบมาก ถ้าเราไม่วิ่งเต้นเองก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
...
ก่อนหน้านี้มีเอกสารเป็นแผ่นกระดาษ A4 ออกมา เป้นข้อเรียกร้องต่างๆ สำหรับคนที่อยู่ต่อและคนที่ต้องการย้ายออก และลงวันที่ 2 ต.ค. 2563 ซึ่งคนที่ลงชื่อเราก็ไม่ทราบว่าเค้าเป็นใคร ออกเงื่อนไขมาเพื่ออะไร ให้เรายอมรับหรือทำได้เท่านี้ ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ตอนนี้ยังไม่ได้ค่าเทอมคืน โดยมีผู้ปกครองไปทำเรื่องขอลาออก ทางธุรการก็บอกว่าต้องรออีก 7 วัน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ารออะไร รอแล้วจะได้เงินไหม
ทนายรณณรงค์ กล่าวต่อว่า ณ ตอนนี้ทางอัยการให้มายื่นที่ท่านแล้วท่านจะช่วยไกล่เกลี่ยการฟ้องคดีให้ ฉะนั้นถ้าจะมีกระบวนการไกล่เกลี่ยหลังจากนี้อยากให้มาคุยกันที่สำนักงานอัยการสูงสุด มันจะโอเคที่สุด
ทางด้าน ผู้ปกครอง กล่าวต่อว่า จริงๆ ผู้ปกครองอยากให้จบเร็วก็ดี เพราะมันเสียเวลามามากแล้ว อยากพาลูกไปเรียนให้ลืมเรื่องพวกนี้ได้แล้ว แบบนี้มันยืดเยื้อ คนที่ทำงานก็ต้องลางาน มันกระทบหลายอย่าง บางคนมีธุรกิจครอบครัวก็พัง ต้องทิ้งเพราะทิ้งลูกไม่ได้ ทำให้ไปทำงานแบบสบายใจไม่ได้"
"ตอนนี้เด็กๆ เริ่มเป็นหนักมาก มีอารมณ์รุนแรง นำพฤติกรรมที่ใช้ในโรงเรียนมาใช้ที่บ้าน เจอหน้าก็ตบพี่กับพ่อ เชื่อว่าครูคงจะทำกับเด็กแบบนั้นทุกวันจนเค้าจำ ขณะที่บางคนยิ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าว ตอนนี้ยิ่งขัดใจยิ่งก้าวร้าวทันที"
อย่างไรก็ตาม ทนายเดชา เผยว่า เป็นทนายทางการให้โรงเรียนสารสาสน์ทั้งหมด รวมทั้งอดีตครูที่ออกแล้วทั้งหมด รวม 13 คน ที่ออกจากโรงเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว ลักษณะคดีที่ฟ้องกลับคือบางสิ่งบางอย่างที่เกินจริง เป็นความเท็จ ใส่ร้ายเพิ่ม ก็จะดำเนินคดีทั้งหมด.