ตำรวจสรุปสาเหตุการเสียชีวิต "คดีน้องชมพู่" ทดสอบนำ "เนื้อหมู" วางไว้บริเวณที่พบศพ เน่าเร็วกว่าปกติ คาดน้องชมพู่เสียชีวิตระหว่างวันที่ 12 - 13 พ.ค. 63 

จากกรณีการหายตัวไปของ น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตบนเขาภูเหล็กไฟ ในพื้นที่บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามหาหลักฐานเพื่อคลี่คลายคดี ท่ามกลางความสนใจของประชาชน ตลอด 144 วัน 

ล่าสุด วันที่ 2 ต.ค.63 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงสรุปความคืบหน้า "คดีน้องชมพู่" โดยสรุปช่วงเวลาในการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ดังนี้


1. เวลาที่เกิดเหตุ

- เวลาที่น้องชมพู่หายไปตัวไป 09.11-09.49 น. อ้างอิงจากน้องชมพู่ดูคลิปวิดีโอในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก

- 09.49 น. อ้างอิงจากพี่สาวน้องชมพู่ใช้เฟซบุ๊กก่อนที่น้องชมพู่จะหายตัวไป

2. เวลาที่น้องชมพู่ เสียชีวิต สอบปากคำจากแพทย์ชันสูตร

ประเมินจากการเน่าของศพที่เริ่มจากอวัยวะภายในที่เริ่มเน่าอย่างชัดเจน มีหนอนแมลงวันที่เริ่มจากมิลลิเมตรจนถึงเซนติเมตร ชอนไชบริเวณปาก รูจมูก และซอกคอของน้องชมพู่ ทำให้เชื่อได้ว่า น้องชมพู่ เสียชีวิตระหว่างวันที่ 12 พ.ค.63 เวลา 14.30 น. จนถึงเวลา 14.30 น. ของวันที่ 14 พ.ค. 63

จากการสอบปากคำของนักกีฏวิทยา เห็นว่า หนอนที่อยู่ในศพของน้องชมพู่ ในวันที่ 15 พ.ค. 63 อยู่ในระยะที่ 3 ซึ่งคาดว่าน้องชมพู่น่าจะเสียชีวิตอย่างน้อย 3 วัน คือช่วงเวลา 12 พ.ค. 63 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แพทย์ชันสูตรคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้มีการจำลองการเน่า โดยนำเนื้อหมูไปทดลองวางไว้บริเวณที่พบศพ เพื่อดูการเติบโตของหนอน ซึ่งพบว่า ภูเหล็กไฟ มีอัตราการเน่าเร็วกว่าปกติ เพราะมีอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์มากกว่าพื้นด้านล่าง

...

โดยพบว่าเป็นหนอนแมลงวันหัวเขียว การเจริญเติบโตของหนอนมีความยาวระดับเซนติเมตร ตั้งแต่วางไข่ในเวลา 33 ชั่วโมง วิเคราะห์แล้วพบว่า น้องชมพู่จะเสียชีวิตช่วงเช้าของวันที่ 12 พ.ค. 63 จนถึงช่วงบ่ายวันที่ 13 พ.ค. 63 ซึ่งก็สอดคล้องกัน

3. สาเหตุการเสียชีวิต

- พบร่องรอยบาดแผลตามร่างกายหลายจุด แต่ไม่พบบาดแผลที่ทำให้อันตรายถึงชีวิต
- ไม่มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ  
- จากรายงานการชันสูตรของแพทย์ ระบุว่า ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้เพราะศพเน่า
- จากการสอบปากคำของแพทย์ชันสูตร ระบุว่า มีความเป็นได้สูงที่น้องชมพู่เสียชีวิตจากการขาดน้ำ ขาดอาหาร เนื่องจากสภาพเน่าในผิวหนังเน่าน้อยกว่าการเน่าในอวัยวะภายใน เนื่องจากผิวหนังขาดน้ำ ทำให้เนื้อเยื่อของผิวไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
- การตรวจไม่พบอาหารในกระเพาะอาหาร และสำไส้เล็กส่วนต้น และลำไส้เล็กมีการบิดตัวอีกด้วย
- การเพาะของเหลวในกระเพาะอาหารประมาณ 10 ซีซี แพทย์ให้ความเห็นว่า เกิดจากกระบวนการเน่าของศพ เทียบเคียงกับเคสอื่นๆ ก็มีของเหลวคล้ายกัน จึงไม่สรุปว่าของเหลวนั้นคือ อาหาร.