ทุกงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ได้เวลาโบกลาชีวิตข้าราชการของใครหลายคน “ถอดหัวโขน” ที่สวมใส่ส่งมอบให้ผู้ขึ้นมาใหม่แสดงบทบาทแทน
“ตำแหน่งอยู่กับเราไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ตลอดไป” หลายคนเปรียบเปรย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ก็เช่นกัน
ระยะเวลา 5 ปีบนเก้าอี้อำนาจ “พิทักษ์ 1” มีเรื่องราวมากมายกลายเป็นประวัติศาสตร์ “ผู้นำคนแรก” ที่นั่งบริหารทัพสีกากียาวสุด นับตั้งแต่องค์กรเปลี่ยนแปลงมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทำลาย “อาถรรพณ์” บัลลังก์ต้องคำสาปสำเร็จ
เจ้าตัวเคยยอมรับตอนขึ้นรับตำแหน่งใหม่ว่า เปรียบเสมือนนักกีฬา เมื่อลงเล่นแล้ว ก็เล่นเต็มที่ เจ็บก็ออก หมดเวลาก็กลับบ้าน ไม่รู้หมดเวลาเมื่อไหร่ อาจจะปี หรือสองปีก็กลับบ้าน ไม่ยึดติด
ถ้าต้องออกก็เปลี่ยนตัวได้ ไม่มีปัญหา ถ้าทำดี เล่นเต็มที่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย
“มีคนตั้งคำถามเยอะว่า จักรทิพย์น่าจะอยู่ไม่ถึงเกษียณหรอก ผมเองก็คิดว่า อยู่ไม่ถึงอยู่แล้ว ในสภาวะการเมืองแบบนี้ แต่วันนี้ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุด” พล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่คาดหวัง
“ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวผมนะ ผมทำเพื่อองค์กร คดีทุกคดีที่ผมทำ ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวผม ผู้บังคับบัญชาสั่ง ผมก็ทำ เป็นหน้าที่ เพราะฉะนั้น วันหนึ่งที่ผมมาเป็นผู้นำแล้ว ถ้าผมไม่ทำ คือ ผมแย่ ผมไม่รักองค์กร”
เสมือนคำมั่นสัญญาที่อธิบายบริบทของแม่ทัพเมื่อครึ่งทศวรรษก่อน
จวบกระทั่งวันนี้ เขาผ่านมรสุมคลื่นลมของ “อำนาจนอกรั้วปทุมวัน” นั่งทำงานถึงวันสุดท้ายในชีวิตราชการก่อนเกษียณออกไปเลือกเดินตามทางวิถีชีวิตตัวเอง
...
โยน “หัวโขน” ให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เพื่อนรักร่วมรุ่นสามพราน 36 สวมใส่แทน
เริ่มต้นนับก้าวแรกกับผู้นำคนใหม่ในวันรุ่งขึ้น.
สหบาท