สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจ เป็นประเด็นที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อแม่อย่างมาก เกี่ยวกับนักแสดงท่านหนึ่ง ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้นักแสดงท่านนี้จดทะเบียนรับรองบุตร เพื่อให้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย และขอใช้อำนาจปกครองร่วมกับมารดา ในส่วนของมารดาก็ได้ยื่นคำร้องคัดค้าน โดยขอให้ศาลยกคำร้องดังกล่าวของผู้ร้องและขอให้ผู้ร้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรรวมถึงมีข้อเสนออื่นๆ ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นศาล หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบอีกครั้งครับ
มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับข่าวนี้ คือ การจดทะเบียนรับรองบุตร ใครได้ประโยชน์กันแน่
กรณีที่เด็กเกิดจากบิดามารดา ซึ่งไม่ได้สมรสกันนั้น เด็กดังกล่าวจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้ 3 กรณี คือ
1. บิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง
2. บิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร
3. ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1547 เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อ บิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง หรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
เมื่อเด็กที่เกิดจากบิดามารดา ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่ต่อมาในภายหลังเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตาม ปพพ. มาตรา 1547 แล้ว บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายย่อมได้รับสิทธิจากบิดามารดาตามกฎหมายหลายประการ ตลอดจน เช่น สิทธิในการรับมรดกจากบิดา สิทธิในการใช้นามสกุลของบิดา สิทธิในการรับเงินช่วยเหลือต่างๆ ในกรณีที่บิดาเป็นข้าราชการ เป็นต้น
นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดหน้าที่ให้แก่บิดามารดาในการอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรอีกด้วย หากในอนาคตบิดาไม่ส่งเสียเลี้ยงดูบุตร หรือไม่ชำระค่าการศึกษาตามสมควรแก่บุตร มารดาในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมก็อาจจะใช้สิทธิทางศาลในการฟ้องบิดา เพื่อเรียกร้องให้บิดาชำระค่าอุปการะเลี้ยงดู ค่าการศึกษา หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่ตกลงกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรได้
...

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1564 บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์
บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วแต่เฉพาะผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองมิได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยส่วนใหญ่ คือ มารดาไม่ยินยอมให้บิดารับรองบุตร หรือกรณีที่เด็กไม่อาจให้ความยินยอมได้ เนื่องจากอายุยังน้อย บิดาก็สามารถใช้สิทธิทางศาล เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาอนุญาตให้บิดาจดทะเบียนรับรองบุตรได้
อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5982/2551
ป.พ.พ. มาตรา 1548 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก ส่วนวรรคสามและวรรคสี่บัญญัติว่า ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดาหรือไม่ให้ความยินยอมหรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่าประสงค์ให้เด็กเป็นผู้ให้ความยินยอมเป็นการเฉพาะตัว การที่นายทะเบียนแจ้งแก่ผู้ร้องว่าไม่สามารถรับจดทะเบียนให้ได้โดยไม่แจ้งการขอจดทะเบียนของผู้ร้องไปยังผู้คัดค้านและเด็กก่อนตาม มาตรา 1548 วรรคสอง หรือตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 19 วรรคสอง เพราะปรากฏว่าขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนขอจดทะเบียนนั้น เด็กหญิง ป. อายุเพียง 3 ปีเศษ ยังไร้เดียงสาไม่สามารถให้ความยินยอมได้ จึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 19 แล้ว ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้พิพากษาให้ผู้ร้องจดทะเบียนเด็กหญิง ป. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้
สุดท้ายนี้ จะเห็นได้ว่าในการจดทะเบียนรับรองบุตรนั้น จะทำให้เด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา และมีสิทธิตามกฎหมายมากมาย ประโยชน์จึงตกกับเด็กทั้งสิ้น แต่ในส่วนของอำนาจการปกครองบุตรนั้น ศาลอาจจะให้บิดามีอำนาจปกครองบุตรแต่เพียงฝ่ายเดียว หรือให้มารดามีอำนาจปกครองแต่เพียงฝ่ายเดียว หรือศาลอาจจะพิพากษาให้บิดามารดามีอำนาจปกครองร่วมกันก็ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว โดยศาลจะยึดเอาผลประโยชน์และความสุขของเด็กเป็นสำคัญ
สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ
Facebook: ทนายเจมส์ LK
Instagram: james.lk