วัณโรคปอด โรคใกล้ตัวพบได้บ่อย คร่าชีวิตตลกชื่อดัง "โรเบิร์ต สายควัน" พร้อมแนะวิธีเช็กอาการป่วย และวิธีการป้องกัน
นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการตลก สำหรับการจากไปของนักแสดงอาวุโสชื่อดัง "โรเบิร์ต สายควัน" หลังจากที่ "บอล เชิญยิ้ม" ประกาศว่าเพิ่งหายจากโรคมะเร็งแล้ว แต่แพทย์ได้ระบุว่า โรเบิร์ต ได้ป่วยเป็นวัณโรคปอด รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู กระทั่งล่าสุด โรเบิร์ต ได้เสียชีวิตแล้ว ที่โรงพยาบาลเสรีรักษ์ (สุดเศร้า โรเบิร์ต สายควัน เสียชีวิตแล้วอย่างสงบ)
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า "วัณโรค" คือโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถแพร่กระจาย จากการไอ จาม ถ่มน้ำลาย และขากเสมหะของผู้ป่วยวัณโรคปอดสู่ผู้อื่น จึงทำให้ติดเชื้อวัณโรคจากการหายใจและรับเชื้อที่ล่องลอยในอากาศเข้าสู่ปอด วัณโรคพบได้ทุกส่วนของอวัยวะทั่วร่างกายเช่น วัณโรคกระดูก วัณโรคลำไส้ วัณโรคเยื่อหุ้มสมอง แต่ที่พบมากที่สุด คือ วัณโรคปอด
สำหรับ ผู้ป่วยวัณโรคปอดจะมีอาการไข้ต่ำๆ ในเวลาบ่ายหรือเย็น ไอแห้งๆ และเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ผิวหนังซีด เหลือง และเหงื่อออกตอนกลางคืน ปัจจุบันสามารถวินิจฉัยโรคได้จากการเอกซเรย์ปอด และการตรวจเสมหะผู้ป่วยด้วยการส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์
ทั้งนี้ หากพบว่ามีอาการไอเรื้อรังติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ ไอแห้ง ไอมีเสมหะ ไอมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ มีไข้ต่ำ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เหงื่อออกผิดปกติตอนกลางคืน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา เนื่องจากวัณโรคปอดและนอกปอดเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ และทุกวัย
...
ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อวัณโรค โดยไม่ควรนอนร่วมกับผู้อื่น ควรปิดปากและจมูกทุกครั้งเวลาไอหรือจาม แยกและทำลายขยะที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย ด้วยการนำไปฝังหรือเผา แยกเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และภาชนะใส่อาหาร ควรฆ่าเชื้อด้วยความร้อน เช่น ลวก ต้ม และตากแดดจัด
ทางด้าน นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาผู้ป่วยวัณโรคปอด โดยทั่วไปจะเลือกใช้สูตรการรักษาระยะสั้นมาตรฐาน 6 เดือน หากผู้ป่วยที่รับการรักษาจนครบกำหนดและเชื้อไม่ดื้อยา จะมีโอกาสหายขาดได้มากกว่าร้อยละ 95 แต่หากผู้ป่วยวัณโรคได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง คือหยุดยาก่อนกำหนดครบระยะรักษา หรือได้รับการรักษาไม่สม่ำเสมอ จะส่งผลให้เชื้อวัณโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ทนต่อยาที่เคยรักษา ทำให้ไม่สามารถรักษาด้วยยาเดิมที่เคยใช้ได้ เชื้อวัณโรคจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กลายเป็นเชื้อวัณโรคดื้อยาได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ ตามแผนการรักษาและไม่ควรหยุดยาเองแม้อาการจะทุเลาลง หากพบว่ามีอาการข้างเคียง เช่น ผื่นทั้งตัว มีไข้ มีแผลในปาก หรือตาแดง มองเห็นภาพไม่ชัด ตาพร่า ตามัว คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเหมือนน้ำปลา ควรรีบมาพบแพทย์ทันที.