สปสช. แจงแนวทางบรรเทาผลกระทบประชาชน หลังยกเลิกสัญญา คลินิกชุมชนอบอุ่น -รพ.เอกชน จำนวน 64 แห่ง มีผลวันนี้ (18 ก.ย.) เหตุทุจริตเงินบัตรทอง พร้อมเร่งจัดหาหน่วยบริการใหม่รองรับ
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริต ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมาย เพราะในสัญญาระบุชัด ว่าจะต้องยกเลิกสัญญา แต่สำหรับประชาชน ราวๆ 8 แสนคน ที่เลือกคลินิกนั้นๆ เป็นคลินิกประจำ เมื่อยกเลิกสัญญา จะส่งต่อการเข้ารับบริการของประชาชน
นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า เราได้ยกเลิก 18 คลินิกชุมชนอบอุ่น ไปเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกระทบประชาชนประมาณ 2 แสนคน จากนั้นมีการขยายผล และพบว่ามีอีก 66 คลินิกเพิ่มเติม ที่พบข้อน่าสงสัย ซึ่งดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2563 และวันนี้ (18 ก.ย.) ก็เป็นวันที่จะมีผลบอกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการ ซึ่งจะกระทบกับประชาชนราว 8 แสนคน ซึ่งทาง สปสช. มีความจำเป็น เพราะหากไม่บอกเลิกสัญญา ประชาชนจะถูกสวมสิทธิ์ ไม่ได้เข้ารับบริการ แต่ถูกบอกว่ามาเข้ารับบริการ ซึ่งประชาชนกลุ่มนี้จะไม่ได้ถูกคัดกรองความเสี่ยงในโรคเบาหวาน ความดัน ดังนั้นจะไม่รู้เลยว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่ และสูญเสียโอกาสในการเข้ารับบริการไป
ในส่วนขององค์กร ก็จะขาดความน่าเชื่อถือในเรื่องการวางแผน บริหารจัดการ รวมถึงกระทบงบประมาณของประเทศ จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องบอกเลิกสัญญา และบอกเลิกความเป็นหน่วยบริการ ทั้งนี้ สำนักงานฯ ได้เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ รวมถึง ประสานหน่วยบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เตรียมรองรับประชาชนประชาชน ทั้ง 8 แสนคน ซึ่งประชาชนสามารถเข้ารับบริการในพื้นที่ใดก็ได้ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมระบบข้อมูล ในกรณีที่เป็นโรคเรื้อรัง และต้องการที่จะได้ข้อมูลยา หรือผลการตรวจ ซึ่งประชาชนสามารถไปขอประวัติการรักษาพยาบาล ที่คลินิกที่ทำการรักษาอยู่ได้ ถ้าไม่สะดวก สามารถเข้าไปที่ ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เตรียมข้อมูลไว้ให้แล้ว
...
ทั้งนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการจัดหาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทดแทน ซึ่งหากส่งผู้ป่วยเข้าไปในระบบของภาครัฐทั้งหมด อาจมีความแออัด และไม่ได้รับการบริการที่ทั่วถึง ตอนนี้อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประชาชน ขณะนี้ สามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการใดก็ได้ทั้งรัฐและเอกชน ที่ยังอยู่ในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ ไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย
ทพ.อรรถพร ย้ำว่า ในส่วนของประชาชนที่เคยเข้ารับบริการในคลินิกนั้นๆ แล้วเพิ่งจะทราบว่าไม่ได้เป็นคู่สัญญากับ สปสช. แล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยเร่งด่วน คือ
- คนไข้ที่ได้รับการนัดผ่าตัดล่วงหน้า
- กลุ่มที่นัดไปรักษาตัวในโรงพยาบาล เป็นคนไข้ใน
- หญิงตั้งครรภ์ นัดวันคลอดแล้ว
- ฟอกไตต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้ ทาง สปสช. ได้ประสานนำข้อมูล และติดต่อล่วงหน้าไปแล้ว แต่หากยังไม่ได้รับการติดต่อไปของ สปสช. คนไข้สามารถโทรเข้ามาที่ สายด่วน 1330 ตลอด 24 ชม. ซึ่งมีการเตรียมคู่สายไว้ 60 คู่สาย หรือสามารถแชตเข้ามาทางอินบ็อกซ์ เฟซบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือแอดไลน์ @1330_2 แล้วแจ้งข้อมูล ปัญหาที่อยากให้ช่วย พร้อมเบอร์ติดต่อกลับ
ส่วนกรณีอื่นๆ อย่างผู้ที่ต้องรับยาเบาหวาน ความดัน ต้องได้รับยาต่อเนื่อง อยู่ระหว่างการหาสถานที่ใหม่ให้ ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสถานพยาบาลที่ถูกยกเลิกได้ ที่นี่
ทั้งนี้ สำหรับเหตุฉุกเฉิน สามารถเข้ารับบริการที่ไหนก็ได้ในโรงพยาบาลของรัฐ หรือ โรงพยาบาลเอกชน ที่อยู่ในระบบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบบได้เตรียมการรองรับไว้แล้ว