• #ยกเลิกเกณฑ์ทหาร กลับมาฮิตติด “เทรนด์ทวิตเตอร์”
  • ทัพไทย แจง พลทหารเสียชีวิต หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปัดถูกทำร้าย
  • ไม่ใช่เคสแรก ย้อนรอยความตายในค่ายทหาร


กระแสแฮชแท็ก #ยกเลิกเกณฑ์ทหาร กลับมาติดเทรนด์ทวิตเตอร์อีกครั้ง เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีการแชร์โพสต์บนเฟซบุ๊ก ซึ่งมีภาพบุคคลและข้อความ เล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับพลทหาร เสรี บุตรวงค์ หรือ นิ๊กกี้ ทหารกองประจำการ รุ่นปี 2563 ผลัดที่ 1 ที่เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 14 ก.ย.2563 เวลาประมาณ 02.45 น. ที่โรงพยาบาลทหารอากาศ สีกัน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Nathasa Rochai” ได้โพสต์ระบุว่า ... ข่าวร้ายของวันนี้คือการสูญเสียญาติผู้น้องจากไปแบบไม่มีวันกลับ หลับให้สบายนะน้องนิ๊กกี้

ได้รับเพียงคำขอโทษ
ได้รับเพียงคำขอโทษ

...

น้องนิ๊กกี้เพิ่งเข้ากรมเมื่อวันที่ 1/09/2020 แล้วเช้าวันนี้ 14/09/2020 มีนายพลท่านนึงมาแจ้งข่าวที่ร้านที่พี่ชายและพ่อของน้องทำงานอยู่ว่า น้องเสียแล้วเมื่อคืน ตอนประมาณ 1.45 น. สาเหตุจากเส้นเลือดตีบ เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองไม่ทัน ทางครอบครัวได้รับเพียงคำขอโทษกับร่างที่ไร้ลมหายใจของน้อง พร้อมกับเงินค่าทำศพเบื้องต้น 20,000 บาท มันคุ้มแล้วใช่ไหมกับสิ่งที่ครอบครัวเราเสียไป ทางครอบครัวเราสงสัย ว่า สาเหตุจริงๆ ที่น้องเสียชีวิตคืออะไร
น้องเดินเข้าไปในค่าย แต่ตอนออกมาหามใส่โลง นายเสรี บุตรวงค์ RIPนิ๊กกี้

กระแส #ยกเลิกเกณฑ์ทหาร บนทวิตเตอร์ มีการแสดงความเห็น โดยระบุว่า การเสียชีวิตของทหารในค่ายทหารไม่เคยได้รับคำชี้แจง หรือชันสูตรศพอย่างละเอียด โดยมีการยกตัวอย่างกรณีการเสียชีวิต ของ น้องเมย หรือ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา เมื่อปี 2560

“#ยกเลิกเกณฑ์ทหาร เคสทหารตายในค่ายไม่เคยได้รับคำชี้แจงหรือชันสูตรศพอย่างละเอียด แล้วแถลงข่าว รวมทั้งเคส #น้องเมย ที่เครื่องในหาย ชาวบ้านธรรมดาไม่มีปัญญาต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ชายชาติทหารมันกระจอกจริงๆ”

อีกหนึ่งความเห็นระบุว่า ควรยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารได้แล้ว เนื่องจากยังมีทหารรับใช้ที่ไม่เกี่ยวกับความมั่นคง หรือใครรวยอาจรอด เพราะเรียน รด. หรือ “ใบดำที่มีราคา”

“#ยกเลิกเกณฑ์ทหาร 1. ไม่จำเป็น กองทัพอ้างว่าต้องการ 1 แสนคนต่อปี แต่ยังมีทหารรับใช้ที่ไม่เกี่ยวกับความมั่นคง 2. เหลื่อมล้ำ ใครรวยอาจรอดเพราะเรียน รด. หรือ “ใบดำที่มีราคา” 3. ละเมิดสิทธิ ถูกพรากจากงาน/ครอบครัว +เสี่ยงต่อการลงโทษเกินขอบเขตที่ไม่หายไปสักที”

เสียชีวิตจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไม่ได้ถูกทำร้าย

ขณะที่ พลตรี ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมสั่งการให้เร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยละเอียด เพื่อให้ความกระจ่างและเป็นธรรมกับครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเน้นย้ำให้ต้นสังกัดดูแล จัดงานศพอย่างดีที่สุด

ซึ่งจากการสอบสวนข้อเท็จจริง และจากผลการสันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตโดยแพทย์ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2563 เวลาประมาณ 12.00 นาฬิกา สันนิษฐานว่า สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ (ลักษณะไหลตาย โดยไม่ได้เกิดจากการถูกประทุษร้าย) โดน นายสมทรง บุตรวงค์ บิดาของพลทหาร เสรีฯ ได้รับทราบสาเหตุการเสียชีวิตจากแพทย์ และได้ร่วมขอดูศพแล้ว ซึ่งไม่ติดใจและมีความเข้าใจดีถึงสาเหตุการเสียชีวิตดังกล่าว

...

โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ชี้แจง
โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ชี้แจง

เบื้องต้น กรมการสื่อสารทหาร ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัด ได้จัดผู้แทนหน่วย ได้แก่ ผู้บังคับกองพัน กรมการสื่อสารทหาร และผู้แทนหน่วยฝึกฯ จำนวน 7 นาย ร่วมเดินทางนำศพกลับภูมิลำเนา และจะอยู่ร่วมในงานสวดพระอภิธรรมศพทุกวัน จนกว่าจะถึงวันฌาปนกิจศพ และออกค่าใช้จ่ายในการนำศพกลับภูมิลำเนา รวมทั้งออกค่าใช้จ่ายในพิธีสวดพระอภิธรรมทุกคืน ตลอดจนออกค่าใช้จ่ายในงานฌาปนกิจศพ และเก็บอัฐิ อีกทั้งยินดีมอบทุนทรัพย์ให้แก่บิดา พลทหาร เสรีฯ เป็นเงินจำนวน 200,000 บาท เพื่อแบ่งเบาภาระความเป็นอยู่ของครอบครัวต่อไป

ไม่ใช่ศพแรก ย้อนรอยความตายในค่ายทหาร

ถึงแม้ว่า ผบ.ทบ.กี่รุ่นต่อกี่รุ่น จะออกมายืนยันว่ายุคนี้ไม่มีการซ่อมแล้ว แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นภาพจำของใครหลายคน เพราะที่ผ่านมาเกิดเหตุทั้ง พลทหาร และ นักเรียนเตรียมทหาร ต้องเสียชีวิตลงอย่างน่าสงสัยหลายรายด้วยกัน ผู้เขียนจึงขอยกตัวอย่างคดีของ “พลทหารทรงธรรม หมุดหมัด” ทหารเกณฑ์สังกัด ร.152 พัน. 1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559

...

พลทหารเหยื่อกลุ่มทหารตีนโหดรุมซ้อมดับทารุณ
พลทหารเหยื่อกลุ่มทหารตีนโหดรุมซ้อมดับทารุณ

เจ้าตัวถูกกลุ่มทหารยศร้อยตรีกับลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา รวม 6 นาย ลุแก่อำนาจรุมซ้อมเสียชีวิตอย่างทารุณ สาเหตุมาจากไปจับได้ว่า นายสิบคนหนึ่ง เป็นคนขโมยเงิน 5 พันไป กระทั่งเจอตัวคู่กรณี จึงตรงเข้าล็อกตัวเอาไว้ทันที จนเกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน กลายเป็นกรณีพิพาทขึ้น หลังเกิดเหตุเมื่อผู้บังคับบัญชาทราบเรื่อง จึงมีคำสั่งให้ย้ายกลับไปต้นสังกัด

จากนั้นได้สั่งให้ นายสิบเวร จำนวน 5 นาย เข้าไปลงโทษพลทหารทรงธรรม รุมทำร้ายร่างกาย ทั้งใช้มือทุบตีและใช้เท้าเตะ แถมยังเอาน้ำตาเทียนหยดไปตามร่างกาย จนได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส ต่อหน้าต่อตาเพื่อนพลทหาร ที่ถูกสั่งให้นั่งดู ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.30-04.00 น. โดยจะมีการพูดตะคอกใส่อยู่ตลอดเวลาว่า "มึงกล้าดียังไง ถึงจะได้ไปต่อยนายสิบ" ตลอดเวลา ซึ่งในที่สุดเมื่อ พลทหารทรงธรรม ทนการทรมานต่อไปไม่ไหว จึงสลบกลางอากาศ หัวกระแทกพื้นอย่างจัง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

...

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่กองทัพยุค 5.0 ควรต้องปฏิรูปตัวเองให้โปร่งใส เคารพสิทธิมนุษยชนของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงใจ และอธิบายให้เคลียร์เสียทีว่า ประเด็นการซ่อมทหารนั้น เลิกไปแล้วตามที่ผู้มีอำนาจป่าวประกาศ หรือว่ายังแอบทำกันอยู่ลับๆ ปล่อยให้ค่ายทหารเป็น “แดนสนธยา” อีกต่อไป...