โรค ALS และไทรอยด์เป็นพิษ โรคใกล้ตัวพบได้บ่อย คร่าชีวิตนักแสดงอาวุโส "แม่ทุม ปทุมวดี" พร้อมแนะวิธีเช็กอาการป่วย และวิธีการป้องกัน

นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการบันเทิง สำหรับการจากไปของนักแสดงอาวุโสชื่อดัง "แม่ทุม" ปทุมวดี เค้ามูลคดี ที่เสียชีวิตหลังรักษาอาการป่วย ไทรอยด์เป็นพิษ และโรค ALS มานานกว่า 8 ปี (สุดเศร้า "แม่ทุม" ปทุมวดี เสียชีวิตแล้ว)

สำหรับโรค "ไทรอยด์เป็นพิษ" นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า คือภาวะที่ต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากเกินไป เมื่อร่างกายมีปริมาณฮอร์โมนมากเกินความต้องการ จะมีสภาวะเป็นพิษจนส่งผลต่อร่างกายในด้านต่างๆ เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย เช่น เหนื่อยง่าย, ใจสั่น, ขี้ร้อนง่าย, เหงื่อออกมาก, หงุดหงิดหรือนอนไม่หลับ โรคไทรอยด์เป็นพิษมักพบได้บ่อยในผู้หญิง มากกว่าผู้ชายประมาณ 5-10 เท่า

ทั้งนี้ หากผู้ป่วยมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษที่ไม่รุนแรง อาจไม่มีอาการแสดงใดๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ไม่ค่อยแสดงอาการอย่างชัดเจนมากนัก จึงต้องหมั่นสังเกตและตรวจเช็กอาการป่วยที่ตัวเองเป็น หากพบว่ามีอาการที่สุ่มเสี่ยงจะเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

สำหรับ 9 สัญญาณเตือน ไทรอยด์เป็นพิษ

1. น้ำหนักตัวลดลง

2. ใจสั่น

3. หงุดหงิดง่าย

4. ชีพจรเต้นเร็ว มือสั่น

5. ตาโปน ผมร่วง

6. ขี้ร้อน เหงื่อออกมาก

7. ต่อมไทรอยด์บริเวณลำคอโตขึ้น

8. ถ่ายอุจจาระบ่อย

9. ขาสองข้างอ่อนแรง (ไม่พบบ่อย)

ขณะที่ โรคไทรอยด์ ยังเกี่ยวข้องกับอาหารการกิน โดยอาหารที่ช่วยบำรุงมี 7 กลุ่ม ดังนี้

...

1. ไอโอดีน ในปลา, หอยกาบ, กุ้ง, หอยนางรม, ไข่ และกระเทียม
2. วิตามีนบี ในไข่แดง, เครื่องในสัตว์, ปลา, ธัญพืชต่างๆ, ถั่วลันเตา, นม, เห็ด และเมล็ดอัลมอนด์
3. ธาตุซีลีเนียม ในปลาทูน่า, เห็ด, เครื่องในสัตว์ และถั่วเหลือง
4. สังกะสี ในเมล็ดทานตะวัน, เนื้อแกะ, ถั่วพีแคน, ธัญพืชต่างๆ, หอยนางรม และปลาซาร์ดีน
5. ทองแดง ในถั่วเหลือง, เห็ดชิตาเกะ, ข้าวบาร์เลย์, มะเขือเทศ, และดาร์กช็อกโกแลต
6. สารต้านอนุมูลอิสระ ในแคร์รอต, ผักโขม, ถั่วเหลือง, มันเทศ, ฟักทอง, แคนตาลูป, ปลา และตับ
7. ธาตุเหล็ก ในหอยนางรม, หอยกาบ, ผักโขม, ถั่วเลนทิล, ถั่วเหลือง, ถั่วขาว และเครื่องในสัตว์

สำหรับโรค ALS หรือ Amyotrophic lateral sclerosis แพทย์หญิงทัศนีย์ ตันติฤทธิศักดิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา เผยว่า เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ประสาท เกี่ยวกับควบคุมการเคลื่อนไหวตายไปก่อนอายุขัย อาการของคนไข้ คือ มีอาการกล้ามเนื้อลีบ อ่อนแรง แขน ขา ลิ้น คอ แต่สติสัมปชัญญะจะดี สมองไม่เสื่อม

แต่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการไม่มีแรง เช่น เมื่อมีอาการที่ขา ขาจะลีบ เป็นที่มือ มีอาการมือลีบ เป็นที่ปากจะมีลิ้นลีบ พูดไม่ชัด กลืนอาหารลำบาก สำลักได้ หากเป็นมากรุนแรงคือ เป็นทั้งตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ กินอาหารเองไม่ได้ ต้องใส่สายให้อาหารหรือทางจมูก เจาะหน้าท้องให้อาหาร ซึ่งโรคนี้พบได้ทั่วไปในทุกเพศทุกวัย

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองที่บ้าน เป็นโรคเรื้อรัง จะมานอนโรงพยาบาลเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน ติดเชื้อ หรืออ่อนแรงมาก อาจเกิดแผลกดทับ หรือไปจนถึงรับประทานอาหารเองไม่ได้ ต้องใส่สายให้อาหาร เป็นการรักษาสภาวะแทรกซ้อน ส่วนในรายที่เป็นมากหายใจเองไม่ได้ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจก็มารักษาที่โรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม คำแนะนำเบื้องต้นในการสังเกต หากสงสัยว่าจะเป็น ALS คือ สังเกตอาการ หากมีอาการแขนขาไม่มีแรง มีอาการลีบแต่จะไม่มีอาการชา แต่แขนขาจะลีบค่อนข้างเร็ว และสังเกตกล้ามเนื้อบริเวณที่ลีบ เนื้อจะเต้นเป็นพลิ้วให้สังเกตโรคนี้ได้ บ่งบอกเบื้องต้นว่าเป็นโรคในกลุ่มนี้ การวินิจฉัยต้องมีการตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้า ประสาทและกล้ามเนื้อ.

...

(ขอบคุณ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์, แพทย์หญิงทัศนีย์ ตันติฤทธิศักดิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา)