ตำรวจสองแควโชว์ฟอร์มใช้เวลาไม่ทันข้ามคืน ตามลากคอสาวร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ฆาตกร เชือดคอฆ่าชิงทองยาย เจ้าของร้านเสริมสวย ตามแกะรอยจากกล้องวงจรปิดจนได้เลขทะเบียนรถคนร้าย ก่อนบุกรวบคาร้านขายเฟอร์นิเจอร์ห่างที่เกิดเหตุราว 3 กม. สอบเค้นจนเปิดปากรับสารภาพ อ้างทะเลาะกันเพราะผู้ตายตัดผมให้ไม่ถูกใจ ส่วนสร้อยและแหวนทองของผู้ตายโยนทิ้งไปแล้ว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อแจ้งข้อหาฆ่าชิงทรัพย์

รวบแล้วฆาตกรสาวฆ่าโหดนางบัญญัติ กัลป์ทอง อายุ 74 ปี เจ้าของร้านเสริมสวย “ช่อทิพย์” เลขที่ 68/21 ถนนเอกาทศรฐ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ใช้มีดเชือดคอทิ้งศพนอนจมเลือดคาประตูห้องน้ำด้านหลังแล้วปลดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือหนัก 50 สตางค์ 1 เส้น และแหวน ทองคำ 1 วง หนัก 50 สตางค์ รวมน้ำหนัก 2 บาทเผ่นหนี กระทั่งลูกสะใภ้มาพบศพสยอง คาดคนร้ายเป็นสาวลักษณะคล้ายทอม ใช้รถฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ สีแดงเป็นพาหนะที่เพื่อนบ้านพบเห็นจอดอยู่หน้าร้านก่อนพบศพ ตำรวจให้น้ำหนักฆ่าชิงทรัพย์ โดยคนร้ายเป็นสาวร้านเฟอร์นิเจอร์ห่างกันไม่มากนัก

ความคืบหน้าการรวบตัวสาวเชือดเจ้าของร้านเสริมสวยชิงทอง เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว รอง สว. (สอบสวน) เจ้าของคดี ร่วมสอบปากคำ น.ส.อารยา โสะอ้น อายุ 26 ปี ผู้ต้องสงสัย บ้านเดิมเลขที่ 73 หมู่ 8 ต.วัง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี อาศัยอยู่ร้าน PK เฟอร์นิเจอร์ เป็นร้านผลิตและจำหน่ายที่นอนยางพารา ไม่มีเลขที่ ริมถนนบรมไตรโลกนารถ 2 ต.ท่าทอง อ.เมืองพิษณุโลก ก่อนหอบสำนวนไปขออนุมัติศาลพิษณุโลก ออกหมายจับที่ 218/2563 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยถึงเบื้องหลังการจับกุมสาวมือเชือดว่า หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและถนนใกล้เคียง พบว่าผู้ต้องสงสัยขี่รถ จยย.ฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีแดง ทะเบียน 1 กภ 5764 สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบพบว่า ผู้ครอบครองชื่อ น.ส.จรีรัตน์ หวังอีน อายุ 47 ปี บ้านอยู่ จ.สุราษฎร์ธานี แจ้งว่าคนที่ใช้รถเป็นหลานสาวชื่อ น.ส.อารยา โสะอ้น ทำงานอยู่ร้านเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าว ตั้งอยู่ริมถนนบรมไตรโลกนารถ 2 ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร ตำรวจไปเชิญตัวมาสอบปากคำที่โรงพักตั้งแต่ช่วงเย็นวันเกิดเหตุ พร้อมยึดรถ จยย.คันดังกล่าวไว้ตรวจสอบ

...

ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวต่อว่า ตำรวจได้สอบเค้นจน น.ส.อารยาเปิดปากรับสารภาพเป็นคนฆ่าผู้ตาย อ้างว่าไม่พอใจที่คนตายตัดผมให้ไม่ถูกใจ ทำให้มีปากเสียงกันจนบานปลายคว้ามีดในร้านเชือดคอผู้ตาย ส่วนมีดยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนสร้อยและแหวนของผู้ตายโยนทิ้งไประหว่างทาง จึงประสาน พ.ต.ท.หญิง เรณุกา เหมือนแพร่ นวท.สบ 3 กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 ไปตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม

ต่อมาเวลา 14.30 น. ตำรวจคุมตัว น.ส.อารยา ผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านเสริมสวยช่อทิพย์ ที่เกิดเหตุ ท่ามกลางญาติผู้ตาย และชาวบ้านนับร้อยที่มามุงดูโฉมหน้าคนร้ายตะโกนด่าทอด้วยความโกรธแค้น จากนั้นตำรวจให้ น.ส.อารยานำชี้มีดปลายแหลมยาว 6 นิ้ว เสียบอยู่ในตะกร้าเก็บมีดหน้าห้องน้ำ ที่ น.ส.อารยาอ้างเป็นมีดที่ใช้ก่อเหตุ เก็บไว้เป็นหลักฐาน ระหว่างนั้นญาติผู้ตายคนหนึ่งปรี่จะเข้าทำร้ายแต่ตำรวจกันไว้ได้ทัน การทำแผนประทุษกรรมใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

นายสรายุทธ กัลป์ทอง อายุ 51 ปี ลูกผู้ตาย กล่าวว่า ที่คนร้ายอ้างว่าฆ่าแม่เพราะไม่ถูกใจที่ทำผมให้ ตนไม่เชื่อ มั่นใจว่าคนร้ายจ้องเข้ามาชิงทรัพย์มากกว่า ตนไม่ต้องการให้คนร้ายมาขอขมาต่อหน้าศพแม่ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และอยากให้กฎหมายของประเทศไทยไม่ลดโทษให้ผู้ก่อเหตุคดีอุกฉกรรจ์ เพราะถ้าติดคุกไปไม่กี่ปีก็ออกมาใช้ชีวิตตามปกติ อยากให้ชดใช้กรรมติดคุกตลอดชีวิต ให้สำนึกกับความผิดที่กระทำลงไป

ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าไม่พอใจที่คนตายตัดผมให้ไม่ถูกใจนั้น ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การกับพนักงานสอบสวน เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและชิงทรัพย์ พร้อมจะสอบสวนในประเด็นอื่นเพิ่มเติม เนื่องจากยังไม่พบสร้อยและแหวนทองคำของผู้ตาย การสอบสวนของตำรวจยังมุ่งไปที่เรื่องฆ่าชิงทรัพย์