เผยรายชื่อโรงแรม ที่ผ่านประเมินจากกระทรวงกลาโหม และ สธ. เป็น Alternative State Quarantine ผู้ประสงค์เข้าพัก จองอย่างไร เมื่อเข้าโรงแรมแล้ว ต้องปฏิบัติอย่างไร

จากกรณีสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งหนึ่งในมาตรการสำคัญคือ ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทย จะต้องเข้าสู่การกักตัวในสถานที่กักกันของรัฐ หรือ State Quarantine 14 วัน โดยไม่มีข้อยกเว้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกิดกรณีทหารอียิปต์ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย แล้วเดินทางไปห้างสรรพสินค้า ซึ่งผลตรวจพบป่วยโควิด-19 ภายหลังที่เดินทางกลับประเทศไปแล้วนั้น

ทั้งนี้ จะได้ย้ำให้แน่ชัดอีกครั้ง สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ และต้องไปอยู่ใน State Quarantine 14 วัน ต้องปฏิบัติดังนี้

1. อยู่ในห้องของตนเองเท่านั้น
2. ใช้ห้องน้ำส่วนตัวแยกจากผู้อื่น
3. ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
4. แยกกินอาหารคนเดียว โดยทางโรงแรมจัดเตรียมอาหารให้ 3 มื้อต่อวัน
5. ดูแลเสื้อผ้าส่วนตัว ซักให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือผงซักฟอก
6. ทิ้งขยะในที่จัดเตรียมไว้ให้
7. นอนหลับให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง
8. อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทุกวัน
9. ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายตัวเองทุกวัน รายงานผลโดยส่งผ่านไลน์กลุ่มให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข

ขณะที่ แนวทางการบริหารจัดการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกแนวทางปฏิบัติสำหรับ Alternative State Quarantine ซึ่งหมายถึง การกักกันผู้เดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยใช้สถานประกอบการธุรกิจโรงแรม หรือสถานที่ที่รัฐกำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ตามหลักเกณฑ์แนวทางที่รัฐกำหนด โดยยินยอมชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดระหว่างกักกันตนโดยสมัครใจ 

...

ซึ่งขั้นตอนเริ่มจาก ต้นทาง โดยกระทรวงการต่างประเทศแจ้ง Alternative State Quarantine ให้ชาวไทยและชาวต่างชาติทราบ ณ ประเทศต้นทาง ให้มีการลงทะเบียนความต้องการที่ประเทศต้นทาง และระบุสถานที่พัก Alternative State Quarantine ในแบบแสดงความจำนง และรอคำตอบรับจากสถานที่พัก Alternative State Quarantine

ปลายทาง เมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยแล้ว ต้องแจ้งใบแสดงความจำนง Alternative State Quarantine ณ EOC สนามบิน (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา) หลังจากนั้นการนำส่งผู้เข้าพักจากสนามบินถึงโรมแรม Alternative State Quarantine ดำเนินการ โดยโรงแรมที่ได้รับอนุญาต รวมถึงการทดสอบเชื้อโควิด-19 และการให้บริการทางการแพทย์ เป็นการดำเนินการของโรงแรมและโรงพยาบาลคู่สัญญาปฏิบัติการร่วม (Cooperate Hospital)

ขณะที่ข้อปฏิบัติตัวสำหรับผู้เข้าพัก 

  • ต้องอยู่ในห้องส่วนตัว หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นในที่พัก (Social Distancing)
  • ใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น
  • แยกสิ่งของส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น จาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
  • ไม่ร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น ถ้าเตรียมอาหารในโรงแรมบริเวณที่มีผู้อื่นอยู่ควรให้ผู้อื่นจัดหามาให้
    แล้วแยกรับประทานคนเดียว
  • ซักเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู ฯลฯ ด้วยน้ำและสบู่ หรือผงซักฟอก ถ้าทำได้ควรซักผ้าด้วยน้ำาร้อนที่อุณหภูมิน้ำ 60-90 องศาเซลเซียส
  • แยกถุงขยะของตนต่างหาก

(ดูรายละเอียดทั้งหมดได้ ที่นี่)

ในขณะที่ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ จะเป็นผู้จัดทำทะเบียนผู้เข้าพัก นอกจากนี้ ทางโรงแรมที่เป็น Alternative State Quarantine จะต้องแยกพื้นที่รองรับผู้เข้าพักที่ต้องกักกันตนเองออกจากบุคคลอื่นๆ โดยกำหนดตึกหรือชั้นที่พักให้ชัดเจน และต้องมีห้องน้ำส่วนตัว รวมถึงไม่ให้ผู้เข้าพักใช้พื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ ยกเว้นขณะลงทะเบียนเข้าที่พัก หรือเมื่อมีความจำเป็น และต้องมีการทำความสะอาดพื้นที่ดังกล่าวทุก 1-2 ชั่วโมง โดยให้ผู้เข้าพักที่ต้องกักกันตนเองอยู่แต่ในห้องพักตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก หากผู้เข้าพักดังกล่าวประสงค์จะออกจากที่พัก ต้องแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทราบล่วงหน้า

นอกจากนี้ Alternative State Quarantine ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายแบบมือถือ (Hand-Held Thermometer) หรือเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด เป็นต้น โดยกำหนดให้มีจุดคัดกรองอุณหภูมิร่างกายแก่ผู้เข้าพักทุกวัน รวมถึงกำหนดจุดเช็ดทำความสะอาด หรือทำลายเชื้อบนกระเป๋าเดินทางหรือของใช้ต่างๆ ของผู้เข้าพัก ก่อนเข้ามาในตัวอาคาร โดยเช็ดด้วยน้ำยาฟอกขาวผสมน้ำ และจัดเตรียมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และติดตั้งเครื่องจ่ายแอลกอฮอล์เจลล้างมือไว้ในบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ประตูทางเข้าออก ล็อบบี้ โต๊ะลงทะเบียน หน้าลิฟต์ ร้านอาหาร ด้วย

โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อโรงแรมที่เป็น Alternative State Quarantine ซึ่งผ่านการตรวจประเมินโดยกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงกลาโหม ได้ที่นี่

...

อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าว กำลังพลจากประเทศญี่ปุ่น โดยกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมาถึงสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเตรียมเข้าร่วมการฝึก Balance Torch ของกองทัพบก โดยจะเข้าพักในโรงแรมที่เป็น ASQ ซึ่งทาง นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า ทหารสหรัฐฯ ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยนั้น อยู่ในความดูแลของกระทรวงกลาโหม แต่หากพบว่า มีการฝ่าฝืนเดินทางออกนอกโรงแรมที่เป็น ASQ จะมีโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อของประเทศไทย ส่วนตัวโรงแรมและโรงพยาบาลที่ร่วมดูแลก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

ซึ่งต่อมา ศบค. รายงานกรณีทหารสหรัฐ มาฝึกในไทย ว่า ทหารที่เข้ามา เป็นทหารสหรัฐฯทั้งหมด ที่บินออกมาจาก โยโกตา โอกินาวา ของญี่ปุ่น และ มาจากเกาะกวมฐานทัพสหรัฐฯในแปซิฟิค ไม่มีทหารญี่ปุ่น

ซึ่งที่โรงแรม ASQ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งการปฏิบัติเป็น เช่นนี้ตลอด 14 วันที่กักตัว โดย

  • เจ้าหน้าที่โรงแรม ที่จัดเตรียมไว้ตลอด 24 ชม.(เข้า-ออก ทางเดียว แยกส่วนออกต่างหาก และกล้องวงจรปิด)
  • เจ้าหน้าที่จากจัสแมก (สหรัฐฯที่ประจำอยูประเทศไทย) เข้าไปกำกับดูแล
  • เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ที่ทางกองทัพบกจัดเข้าไป มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประสานงานและกำกับดูแล 24 ชม.
  • เจ้าหน้าที่จากกระทรวงกลาโหมของไทย คอยกำชับการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันที่ได้กำหนดไว้

...

ล่าสุด ผลการตรวจเชื้อ (Swab Test) ทหารสหรัฐฯที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 3-4 สิงหาคม 2563 กลุ่มแรก 71 นาย จากกวม ไม่พบการติดเชื้อ