ฝนเทลงมา กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในฤดูนี้ให้เฝ้าระวัง...โรคต้นเน่าที่เกิดจากเชื้อรา มักพบระบาดในระยะที่ข้าวโพดออกดอก และมีอาการรุนแรงมากขึ้นเมื่อข้าวโพดติดฝัก

อาการของโรคจะพบใบข้าวโพดมีสีเขียวอมเทา ต่อมาใบจะเหี่ยวสลดและไหม้แห้งตาย

ส่วนบริเวณลำต้นเหนือดินจะพบแผลสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลเข้ม เมื่อบริเวณแผลแห้งจะยุบตัวลง ลำต้นแตกหรือฉีกบริเวณเหนือดิน เมื่อผ่าดูภายในลำต้นจะพบเส้นใยของเชื้อราสีขาวปกคลุม แผลภายในไส้ลำต้นจะเป็นสีชมพูหรือม่วง ต่อมาลำต้นจะกลวงเพราะถูกเชื้อราย่อยสลาย เมื่อถูกลมพัดต้นหักล้มได้ง่าย

กรณีเริ่มพบการระบาดของโรค ให้เกษตรกรถอนต้นข้าวโพดที่แสดงลักษณะอาการของโรคไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที และควรหมั่นกำจัดวัชพืชภายในแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความ ชื้นสะสมในแปลงปลูก

และก่อนปลูกข้าวโพดในฤดูต่อไป ควรไถพรวนพลิกดิน ขึ้นมาตากแดด 2-3 แดด ไถให้ลึกจากผิวดินมากกว่า 20 ซม.ขึ้นไป และตากดินให้นานกว่า 2 สัปดาห์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจตกค้างในดิน จากนั้นให้ใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเติมอินทรียวัตถุในแปลงปลูก

นอกจากนี้ การเพาะปลูกครั้งถัดไป ควรเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ต้านทานโรค และคลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เมทาแลกซิล 35% ดีเอส อัตรา 7-10 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ เมทาแลกซิล-เอ็ม 35% อีเอส อัตรา 3.5 มิลลิลิตรต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ ไดเมโทมอร์ฟ 50% ดับเบิลยูพี อัตรา 30 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม

รวมทั้งควรปรับระยะปลูกให้เหมาะสม ให้มีการระบายน้ำที่ดี ไม่ปลูกชิดกันเกินไป และไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนปริมาณมากเกินไป.

...

สะ–เล–เต