ความจริงค่อยๆปรากฏ...เหตุผลในการแบนสารเคมีกำจัดวัชพืช พาราควอต ได้ใช้ข้อมูลตามหลักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ หรือใช้ความรู้สึกแห่ตามกระแส ในการลงมติกันแน่???
ล่าสุด สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย ออกมาเรียกร้อง ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนมติ
เพราะเหตุผลหนึ่ง ที่ถูกนำมาใช้ในการประกาศห้ามมี ห้ามใช้พาราควอต มาจากข้อมูลของกลุ่มเอ็นจีโอ ที่อ้าง...ทุกฤดูฝนเกษตรกรในพื้นที่ ต.บุญทัน อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู จะป่วยด้วยโรคเนื้อเน่าปีละ 50 คน บางคนถึงกับต้องตัดขาทิ้ง สาเหตุมาจากเดินเหยียบย่ำแปลงทำเกษตรที่มีการใช้พาราควอต พร้อมกับมีงานวิจัยระบุว่า ในแหล่งน้ำพื้นที่ดังกล่าวพบพาราควอตตกค้างมากถึง 26.8-55.41 มิลลิกรัมต่อลิตร
และข้อมูลนี้ถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตราย จนมีคำสั่งให้ กรมวิชาการเกษตร และ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ...ผลการเก็บตัวอย่างมาตรวจวิเคราะห์ ทั้ง 2 หน่วยไม่พบการปนเปื้อนของพาราควอต
ส่งผลให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อปี 2560 ...มีมติไม่แบน แต่ให้จำกัดการใช้แทน
แต่กระนั้นเรื่องราวยังไม่จบ กระบวนการจ้องจะแบน ทั้งเอ็นจีโอ และนักการเมือง ได้นำเรื่องโรคเนื้อเน่ามาขยายความกลัวให้กับสังคมกันต่อ พร้อมกับมีการนำเสนอข่าวเกษตรกรออกมายืนยัน ป่วยเป็นโรคเนื้อเน่า จากพาราควอตจริง ผ่านทางสถานีโทรทัศน์เครือข่ายเอ็นจีโอ
เพื่อพิสูจน์จริงอีกครั้ง 9 ธ.ค.2562 สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย จึงลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากเกษตรกรออกมาให้ข่าวและถูก
ตัดขา ได้ข้อมูล ตัวการทำให้เจ็บป่วยมาจากน้ำในอ่างเก็บน้ำ 3 แห่งของตำบล นั่นคือ อ่างฯ ห้วยโซ่, คลองเจริญ และลำน้ำโมง จึงเก็บตัวอย่างดินและน้ำส่งให้ห้องแล็บตรวจวิเคราะห์
...
ผลปรากฏ ดินและน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง ไม่พบพาราควอต
มีเพียงอ่างเก็บน้ำห้วยโซ่ พบ แบคทีเรียกินเนื้อคน (Aeromonas hydroila) ทั้งในดินและน้ำ.
สะ–เล–เต