สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจ และกระแสแรงมากในขณะนี้ เกี่ยวกับรายการที่นำเสนอเรื่องราวของภูตผีปีศาจประวัติศาสตร์ และประวัติศาสตร์นอกตำรา โดยอ้างว่าผู้ดำเนินรายการสามารถสื่อสารพูดคุยกับดวงวิญญาณได้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในทำนองว่า ผู้ดำเนินรายการสามารถสื่อสารพูดคุยกับดวงวิญญาณได้จริงหรือไม่ และอ้างว่าสื่อสารกับดวงวิญญาณได้ นำเสนอข้อมูลที่ผิดไปจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์มีความเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเปิดรับเงินบริจาค และการจัดสร้างเหรียญ ที่สังคมตั้งข้อสงสัยมากมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และการชี้แจงข้อเท็จจริงของรายการ เพื่อให้สังคมสิ้นข้อสงสัย
ต่อมาสำนักข่าวรายงานว่า รายการดังกล่าวได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในทำนองที่ทำให้ผู้อำนวยการคนดังกล่าว ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และผู้ดำเนินรายการดังกล่าว ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ พนักงานสอบสวนจึงเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำส่งพนักงานอัยการพิจารณาต่อไป
อุทาหรณ์จากเรื่องนี้ มีหลายประเด็นครับ แต่ประเด็นที่น่าสนใจและผมเชื่อว่าอาจจะเกิดขึ้นกับท่านผู้อ่านได้ คือ ประเด็นเรื่องของการปฏิเสธพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ดำเนินรายการนั้น มีความผิดตามกฎหมายหรือไม่
กรณีแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วที่ศาลแขวงปทุมวัน โดยมีการยื่นคำร้องขอให้ศาลแขวงปทุมวันส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เนื่องจากจำเลยในคดีดังกล่าวเห็นว่า การที่พนักงานสอบสวนออกคำสั่งให้ผู้ต้องหาพิมพ์ลายนิ้วมือ และหากขัดคำสั่งก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญานั้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
...
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นสิทธิพื้นฐานเฉพาะตัวของบุคคลไม่ต่างไปจากการลงลายมือชื่อ ซึ่งแม้จะเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาว่า เป็นผู้กระทำผิดย่อมถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ การไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือย่อมไม่อาจถือเป็นความผิดทางอาญา คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 2/2562
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 2/2562
เรื่องพิจารณาที่ 10/2561 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 หน้าที่ 8, 9 และ 10
".... เพื่อประโยชน์ในการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดในคดีอาญา แต่การพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นสิทธิพื้นฐานเฉพาะตัวของบุคคลไม่ต่างไปจากการลงลายมือชื่อ ซึ่งแม้จะเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำผิด ย่อมถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ สิทธิดังกล่าวจึงย่อมได้รับความคุ้มครอง แม้กฎหมายจะบัญญัติให้เป็นหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม แต่ย่อมไม่อาจถือเป็นความผิดทางอาญาในฐานที่ไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ ลายมือหรือลายเท้าได้ รัฐชอบที่จะหาวิธีการที่เหมาะสม เพื่อบังคับการให้ผู้ต้องหาที่ไม่ยอมปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ต้องเกิดภาระหรือความรับผิดได้เพียงเท่าที่จำเป็น และพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น หลักการนี้กฎหมายได้บัญญัติรับรองไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131/1 ที่บัญญัติว่า หากจำเป็นต้องตรวจเก็บตัวอย่างเลือด เนื้อเยื่อ ผิวหนัง เส้นผม หรือขน น้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระ สารคัดหลั่ง สารพันธุกรรม หรือส่วนประกอบของร่างกายจากผู้ต้องหา หากผู้ต้องหาไม่ยินยอม โดยไม่มีเหตุอันสมควร กฎหมายดังกล่าวได้บัญญัติทางแก้ไว้ โดยการให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่า ข้อเท็จจริงเป็นไปตามผลการตรวจพิสูจน์ที่หากได้ตรวจพิสูจน์แล้วจะเป็นผลเสียต่อผู้ต้องหานั้น ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างเหมาะสมอยู่แล้ว ประกาศดังกล่าวจึงเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคลอย่างไม่สมเหตุสมผล ไม่พอเหมาะพอควรตามความจำเป็น และไม่ได้สัดส่วนหรือไม่มีความสมดุลระหว่างประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์ส่วนรวมที่จะได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับสิทธิและเสรีภาพที่ประชาชนจะต้องสูญเสียไป อันเนื่องมาจากกฎหมายนั้น ตลอดจนมีมาตรการทางกฎหมายอื่นที่ทดแทนได้อยู่แล้ว จึงขัดต่อหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง แม้ได้ระบุเหตุผลความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพไว้แล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการบังคับให้บุคคลต้องตกอยู่ในอำนาจรัฐ โดยปราศจากความจำเป็นและเหตุผลอันสมควร เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคลให้ต้องยอมกระทำตามจึงไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 28 วรรคหนึ่ง ทั้งยังเป็นการสร้างเงื่อนไข และภาระให้แก่ประชาชนผู้สุจริตที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดโดยไม่จำเป็น ถึงแม้ท้ายที่สุดจะไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแล้วก็ตาม และแม้การที่จะบังคับให้ประชาชน ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา มีหน้าที่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ ลายมือ หรือลายเท้า ตามคำสั่งของพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวนจะเป็นสิ่งที่ไม่ยากต่อการปฏิบัติก็ตาม แต่อาจเป็นช่องทางให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตกอยู่ใต้การใช้อำนาจรัฐของเจ้าหน้าที่โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร การจำกัดสิทธิและเสรีภาพดังกล่าวเห็นได้ชัดว่ามิได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อความมั่นคงของรัฐ การรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองในปัจจุบันแต่อย่างใด ประกอบกับความจำเป็นในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และไม่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของประชาชนในปัจจุบัน จึงเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองคุ้มครองไว้เกินกว่าความจำเป็น กระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และขัดต่อหลักนิติธรรม อันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 26 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 28 วรรคหนึ่ง .....
อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงวินิจฉัยว่า ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 25 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญา ลงวันที่ 29 กันยายน พุทธศักราช 2549 เฉพาะในส่วนที่กำหนดให้เป็นความผิดและโทษทางอาญา ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 26 วรรคหนึ่ง และมาตรา 28 วรรคหนึ่ง"
สุดท้ายนี้ ต้องรอดูผลทางคดีนี้ว่า พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการจะมีความเห็นพ้องด้วยกับพนักงานสอบสวนหรือมีความเห็นแย้งหรือไม่ พนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาใดบ้าง สุดท้ายศาลจะมีคำตัดสินอย่างไร ติดตามต่อไปครับ แต่ทั้งนี้ ในขณะที่กฎหมายยังไม่ได้แก้ไขอย่างชัดเจน เบื้องต้นหากท่านไม่ยินยอมให้พิมพ์ลายนิ้วมือ ท่านอาจจะต้องถูกดำเนินคดีไปก่อนและท้ายที่สุด ศาลก็จะมีคำพิพากษายกฟ้องในที่สุดครับ
สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ
Facebook : ทนายเจมส์ LK
Instagram : james.lk