การเลี่ยมพระใช้ติดตัวยุคแรกๆ ก่อนหลัง พ.ศ.2500 ใช้วิธีเลี่ยมเงินจับขอบ พระสมเด็จเนื้อปูนปั้นสภาพแบบบาง ผลที่ตามมา ไม่นานพระก็สึกช้ำทั้งด้านหน้าและหลัง และหลายองค์แตกหัก
ต่อมาก็พัฒนาเป็นเลี่ยมทั้งองค์ เปิดช่องด้านหน้า มีแผ่นพลาสติกใสให้เห็นองค์พระ ส่วนด้านหลัง มีทั้งเลี่ยมแบบเปิดกว้างทั้งแผ่นหลัง และเลี่ยมแบบเปิดช่อง เป็นรูปใบโพธิ์ รูปหัวใจ สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ฯลฯ
เอาเป็นว่า แล้วแต่ฝีมือช่างจะสร้างสรรค์
บางช่างก็ปิดทั้งแผ่นหลัง แต่ฉลุลวดลาย อย่าง สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ดังในวงการ องค์หลังธรรมจักร และสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ทรงเจดีย์ หลังพระพรหม องค์เฮียบิ ที่เห็นๆ ถือเป็นองค์ครู
หลับตาจินตนาการ พระฉลุลวดลายด้านหลัง ถูกใช้แนบกับอก ดูดซับเอาไอร้อน และเหงื่อไคลเข้าไป สิบ ยี่สิบ สามสิบปี เมื่อถอดพระออกจากเลี่ยม...ก็ได้สัญลักษณ์ จากรอยฉลุติดไว้ชัดเจน
กลายเป็นสัญลักษณ์พิเศษ ที่แต่ละองค์ไม่เหมือนกัน
ที่สำคัญ รอยฉลุที่ว่า เป็นตราประทับ ความพระสมเด็จแท้...
ผมจำได้ว่า ทรงเจดีย์องค์หลังพระพรหม ของเฮียบิ ซึ่งคนเป็นพระดูง่าย แต่ตอนนั้นเฮียบิ เริ่มเล่นบทศิลปินเดี่ยว...เปลี่ยนมือไป 8 ล้าน พระเข้าประกวด เสียงกรรมการ (ที่คงไม่ได้ส่วนแบ่ง) ขาดหายไปสอง
“พระผม มีหลังพระพรหมนะ” เสียงเฮียบิ บ่นมาเข้าหู
เรื่องนี้ยืนยันว่า รอยฉลุจากเลี่ยมพระ มีความสำคัญ ไม่น้อยกว่าองค์ประกอบอื่นๆ
คุยกันถึงเรื่องรอยฉลุจากเลี่ยมด้านหลังพระสมเด็จแล้ว ลองทดสอบวิชา ด้วยการดูพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ในคอลัมน์วันนี้
แม่พิมพ์ด้านหน้า เป็นพิมพ์มาตรฐานวงการ เทียบกับองค์ครูได้หลายองค์ สภาพพระสึกช้ำกำลังงาม เนื้อเกสรดอกไม้ละเอียด โทนสีออกขาวอมเหลือง คราบฝ้ารักสีน้ำตาลอ่อนจางๆ เติมความซึ้งให้เต็มตา
...
สภาพพระเนื้อนุ่มซึ้งจัดขนาดนี้ คนเป็นพระดูตาเปล่า บางคนอาจคุยว่า ซื้อได้โดยไม่ต้องเข้าแว่น
แม่พิมพ์ถูกต้อง สัญลักษณ์ทุกอย่างครบ เครื่อง น่าแปลก ที่พระองค์ที่ดูง่าย ก็ไม่ต้องคุยอะไรกันมาก เรื่องที่อยากจะคุยกันให้เต็มปาก วันนี้คือ ริ้วรอยฉลุจากเลี่ยมด้านหลัง
ดูเผินๆ ก็เป็นริ้วรอยธรรมชาติสมเด็จวัดระฆังมาตรฐานทั่วไป แต่เมื่อเพ่งดูรอยดำ ด่าง ขาวเหลือง น้ำตาล ก็เริ่มเห็นเค้าของรอยฉลุจากเลี่ยมโบราณ เป็นรูปเทพสำคัญในท่าประทับยืน
เอาพระจุ่มน้ำอุ่น ที่จริงก็คือการทำความสะอาดให้หมดคราบเหงื่อไคลที่ติดมาแต่เดิม ผลพลอยได้ ก็คือ เมื่อพระกำลังคายน้ำ...ก็เห็นภาพเทพองค์ที่ว่า มีสี่กร ส่วนพระเศียรก็มีเค้า ไม่ใช่เศียรเดียว ทำท่าจะเป็นเศียรพระพรหม
พอพระแห้ง สภาพก็กลับคงเดิมอย่างที่เห็น คือเบลอๆ ไม่ชัดเจน ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติของรอยฉลุจากเลี่ยมพระโบราณทั่วไป
ร่องรอยฉลุเป็นองค์เทพจากเลี่ยมโบราณ เท่าที่ผมติดตาม ยังไม่ปรากฏในพระปลอมทั่วไป
พระปลอมทำขายเกลื่อน มักเป็นรอยใบโพธิ์ รูปหัวใจ สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ฯลฯ พระปลอมรุ่นนี้ วางขายริมบาทวิถีสวนจตุจักร เมื่อราว 30 ปีที่แล้ว
เจออีกทีวันนี้ บางองค์ยังมีคราบเทียนหนา เนื้อหาอายุยิ่งมาก หลอกตายั่วใจให้ส่องเป็นนาน
อย่าเผลอประมาท อะไรที่ว่าเป็นทีเด็ดเคล็ดลับ นักปลอมพระทำตามได้ แต่เรื่องแปลก ก็คือ ที่มีเรื่องเถียงกันเรื่องเก๊แท้ตอนนี้ ไม่ใช่พระปลอมรุ่นนี้ แต่เป็นพระปลอมรุ่นที่คนเป็นพระบ่นว่า “เหมาร้อย”
ปั๊มกันไป โฆษณากันไป เออ...เอากะมัน มันก็ขายได้ขายดี.
พลายชุมพล