กรณีชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ ชุมชนบ้านสำโรง หมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 200 คน ฮือเข้าล้อมรถยนต์ ที่มีชาย 3 คน อ้างเป็นตำรวจจับกุมพ่อค้ารับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงพื้นบ้าน

มีการข่มขู่เรียกเงิน 5 ล้านบาทกับพ่อค้าที่รับซื้อหอยแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี

ตรวจสอบยืนยันว่าทั้งสามคนเป็นตำรวจในสังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8

ชาวบ้านเรียกร้องให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 ออกจากพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี

ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ตำรวจทั้ง 3 คนมีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ และรีดไถเงินชาวประมงพื้นบ้าน

ทำกันมานานแล้ว

ตำรวจอ้างว่าเข้าไปจับกุมการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการประมง แต่ถูกชาวบ้านล้อมรถ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มี

คำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นายให้ไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 8 ที่ จ.ภูเก็ต และให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ตามข่าวเหตุการณ์ลุกฮือล้อมรถตำรวจ ชาวบ้านบอกว่า เพราะทนไม่ได้ที่ถูกกดขี่จากการเข้าไปงมจับหอยในเขตที่ทางจังหวัดอนุญาต ซึ่งเป็นอาชีพ “ประมงพื้นบ้าน” ที่ชาวบ้านทำกันมานาน

แต่ต้องจ่ายค่าเงินเหมือนเป็นค่าคุ้มครองให้กลุ่มบุคคลในเขต อ.เมืองสุราษฎร์ธานี

เมื่อจับหอยมาได้นำมาขายให้พ่อค้า กลับมีคนของกลุ่มนี้มาจับกุมอ้างว่าทำประมงผิดกฎหมายอีก

เท่ากับเสียทั้งเงินเสียทั้งของ

ที่ผ่านมาไม่มีการจับกุมกลุ่มเรือคราดหอยของกลุ่มนายทุนที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมายได้ เพราะมีการส่งข่าวให้กลุ่มนายทุนได้รู้ตัว

แม้แต่การให้รื้อหลักไม้ไผ่ในเขตอนุรักษ์ มีความพยายามยืดเยื้อถ่วงเวลาจนทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต้องนำกำลัง

...

เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้รื้อถอนหลักไม้ของกลุ่มนายทุนที่มาขวางไม่ให้

ชาวบ้านเข้าไปงมจับหอยตามอาชีพดั้งเดิมของชาวบ้าน เพื่อเปิดทางให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้มีรายได้กลับคืนมา

หลังทราบเรื่อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ลงมากำชับให้ ผบช.ภ.8 ให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ชี้แจงคลี่คลายข้อสงสัยในทุกประเด็นที่ชาวบ้านร้องเรียนขึ้นมา

ให้ทำด้วยความรวดเร็ว โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

เพราะเป็นความเสียหายของตำรวจ.


“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th