สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจและมีประชาชนติดตามกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และเกิดเหตุในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง คดีนี้ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนสั้นยิงผู้ตาย ซึ่งทำงานอยู่ในคลินิก ที่เปิดภายในห้างสรรพสินค้าย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในทางสืบสวนสอบสวน พนักงานสอบสวนมุ่งประเด็นไปที่ปมเรื่องชู้สาว และเชื่อว่าน่าจะเป็นแฟนเก่าของผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้ เนื่องจากได้ข้อมูลว่า ทั้งคู่เลิกรากันได้ระยะหนึ่งแล้ว ปรากฏว่าฝ่ายหญิง น่าจะกำลังคบหาดูใจกับผู้ชายคนใหม่ ทำให้ฝ่ายชายไม่พอใจ จนก่อเหตุสลดขึ้น เหตุการณ์ครั้งนี้กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะเกิดเหตุได้ชัดเจน

คดีนี้ ตำรวจทำงานรวดเร็วมากครับ สามารถจับกุมแฟนเก่าของผู้ตายได้โดยใช้เวลาไม่กี่วัน และพบหลักฐานภายในห้องพักของผู้ต้องหา เชื่อมโยงกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ และหลักฐานที่อยู่ในตัวของผู้ตายหลายอย่าง ทำให้เห็นมูลเหตุจูงใจ รวมถึงเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ลงมือก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้จริง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน

หลังจากนั้น เมื่อพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเสนอความเห็นสั่งฟ้องส่งต่อพนักงานอัยการ และพนักงานอัยการยื่นคำฟ้องต่อศาลแล้ว จำเลยกลับให้การปฏิเสธ กระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลจึงต้องเริ่มขึ้นครับ

มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่สองประเด็นครับ ประเด็นแรก เมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วต่อมาจะกลับคำให้การเป็นปฏิเสธในชั้นศาลนั้นทำได้หรือไม่ ประเด็นที่สองผลทางคดีน่าจะเป็นไปในทางทิศทางใด

ประเด็นแรกนั้น ผู้ต้องหามีสิทธิ์ให้การรับสารภาพ หรือจะปฏิเสธ หรือจะไม่ให้การเลยก็ได้ และมีสิทธิพบทนาย หรือให้ทนาย หรือบุคคลซึ่งไว้วางใจเข้าร่วมฟังการสอบปากคำ มีสิทธิ์ได้รับการเยี่ยมกับญาติตามสมควร รวมไปถึงการรักษาพยาบาลเมื่อเกิดการเจ็บป่วย ตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

...

มาตรา 7/1 ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหา ซึ่งถูกควบคุมหรือขังมีสิทธิแจ้งหรือขอให้เจ้าพนักงานแจ้งให้ญาติ หรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุมในโอกาสแรก และให้ผู้ถูกจับ หรือผู้ต้องหามีสิทธิดังต่อไปนี้ด้วย

(1) พบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว

(2) ให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้ในชั้นสอบสวน

(3) ได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร

(4) ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย

ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งรับมอบตัวผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีหน้าที่แจ้งให้ผู้ถูกจับ หรือผู้ต้องหานั้นทราบในโอกาสแรกถึงสิทธิตามวรรคหนึ่ง

ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/4 บัญญัติว่า ในการถามคําให้การผู้ต้องหา ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบก่อนว่า

(1) ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะให้การหรือไม่ก็ได้ ถ้าผู้ต้องหาให้การ ถ้อยคําที่ผู้ต้องหาให้การนั้น อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้

ในส่วนของผลทางคดีนั้น จากประสบการณ์ของผม กรณีที่ผู้ต้องหาในคดีอาญารับสารภาพชั้นของพนักงานสอบสวน ถ้าพนักงานสอบสวนหลงเชื่อใจผู้ต้องหา โดยเห็นว่าผู้ต้องหารับสารภาพแล้ว จึงชะล่าใจไม่รวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นศาล พยานหลักฐานที่รวบรวมมาไม่ครบถ้วน รัดกุม อาจจะมีข้อผิดพลาด หรือ มีข้อพิรุธจนศาลมีคำพิพากษายกฟ้องได้

ในทางกลับกัน หากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุมแล้ว แม้จำเลยจะกลับคำให้การในชั้นศาลก็ไม่มีผลให้รูปคดีเสียหายแต่อย่างใด และอาจจะเป็นผลเสียกับจำเลยเอง เนื่องจากการให้การปฏิเสธในชั้นศาล แต่ไม่มีพยานหลักฐานที่จะสู้พยานหลักฐานของฝ่ายพนักงานอัยการโจทก์ได้ กรณีนี้ศาลอาจจะต้องลงโทษสถานหนัก เนื่องจากไม่มีเหตุให้ศาลบรรเทาโทษได้เลย อย่างไรก็ตามขอให้ติดตามผลคำตัดสินอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK

Instagram: james.lk