สำรวจเส้นทาง "น้องชมพู่" หายตัวไปก่อนพบเป็นศพกลางป่าเขาภูพานน้อย ด้านเจ้าหน้าที่ยืนยันเด็ก 3 ขวบไม่มีทางขึ้นไปได้เอง

จากกรณี "น้องชมพู่" อายุ 3 ขวบ หายตัวปริศนาจากบ้านตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 รวมเป็นเวลา 4 วัน ก่อนพบศพในสภาพเปลือยกาย กลางป่าเขาภูพานน้อย ห่างจากบ้านพักประมาณ 2 กิโลเมตร ในเขตพื้นที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่อุทยานภูผายล ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เพื่อขอความอนุเคราะห์ ให้ช่วยพาไปยังจุดที่เจอศพของน้องชมพู่อีกครั้ง เพื่อพิสูจน์เส้นทางทั้งหมดมีความเป็นไปได้ที่เด็กอายุ 3 ขวบ จะสามารถขึ้นไปคนเดียวได้หรือไม่

โดยเริ่มเดินทางจากบ้านน้องชมพู่ ขึ้นเขาไปยังจุดที่พบศพน้อง ทีมข่าวได้จับ GPS จากจุดที่น้องชมพู่หายตัวไป คือ เปลสีฟ้าหลังบ้าน โดยเส้นทางที่ทีมข่าวและเจ้าหน้าที่จะใช้ในการเดินทาง จะอิงจากทางเดินที่ชาวบ้านเดินขึ้นไปเพื่อหาของป่าเป็นประจำ ดังนี้

1. เมื่อออกจากบ้าน จะเดินทางผ่านสวนยางของชาวบ้าน ไปเรื่อยๆ โดยลักษณะเป็นพื้นที่ราบติดภูเขา

2. เมื่อเดินทางต่อไปเรื่อยๆ 500 เมตรจากจุดที่น้องชมพู่หายตัวไป ลักษณะทางจะเริ่มชันแต่ไม่มาก ลักษณะเป็นตีนเขา

3. เดินต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 700 เมตร จากจุดที่น้องชมพู่หายตัวไป ทางจะเริ่มเปลี่ยนเป็นพื้นดินและก้อนหินขนาดใหญ่ ทางเริ่มชันมากขึ้น ถ้าเป็นผู้ใหญ่หากเดินจากบ้านน้องถึงจุดตรงนี้แบบไม่หยุดพัก จะเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบแล้ว หากเด็ก 3 ขวบ เดินไปเองเริ่มไม่น่ามีความเป็นไปได้

4. เเละเมื่อเดินทางไปถึง ระยะห่างจากจุดที่น้องชมพู่หาย ระยะทาง 1 กิโลเมตร ลักษณะทางเดินจะเริ่มสูงชัน ประมาณ 45 องศา เด็กไม่สามารถเดินขึ้นไปเองได้แน่นอน เนื่องจากหินที่เหยียบแต่ละก้อนค่อนข้างสูง เด็กจะไปต่อได้ต้องมีคนช่วยอุ้มขึ้น

...

เมื่อถึงจุดที่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 1 กิโลเมตร ผู้สื่อข่าวได้ทดสอบ ตะโกนร้องขอความช่วย โดยมีทีมงาน ยืนอยู่ที่เปลที่น้องหายตัวไป เพื่อทดสอบว่า หากมีการตะโกนขอความช่วยเหลือคนที่อยู่ด้านล่างจะได้ยินหรือไม่

โดยผลปรากฏว่า ทีมข่าวอีกคนที่อยู่จุดที่น้องชมพู่นอนเปลนั้น ไม่ได้ยินเสียงร้องตะโกนกันเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ขนาดผู้ใหญ่ร้องตะโกนยังไม่มีใครได้ยิน และหากเป็นเด็ก 3 ขวบแบบน้องชมพู่ถูกทำร้ายกลางป่า ระยะเช่นนี้ ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงเช่นกัน.