การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงขึ้นมาในที่สุด จนทั่วโลกหาวิธีการป้องกันและแก้ไขกันอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้ด้วยวิธีการและรูปแบบต่างๆ

นับตั้งแต่นำเอากฎหมายด้านสาธารณสุขของประเทศมาประกาศใช้ ปิดเมืองหรือปิดประเทศคัดกรองผู้ที่จะเดินทางมาจากประเทศที่เสี่ยงกับการติดเชื้อ สั่งห้ามการเดินทางระหว่างประเทศ รวมถึงใช้มาตรการต่างๆ ในการป้องกันและแก้ไขผู้คนในประเทศของตนเอง

และหนึ่งในจำนวนดังกล่าวก็คือ “ประเทศไทย” ทั้งที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วและอยู่ในกลุ่มเสี่ยง รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ยังไม่ติดเชื้อโรคดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดการติดเชื้อล้มป่วยและสูญเสียชีวิตไปมากกว่านี้ จึงกลายเป็น “ชะตากรรมของไก่อยู่ในสุ่มเดียวกัน” ที่จำเป็นต้องยอมรับสภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกว่า สังคม คือการอยู่รวมกันของคนหมู่มากไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือสัตว์เดรัจฉานก็ตาม ทุกชีวิตล้วนมีสังคมและรูปแบบของการดำเนินชีวิตเป็นของตนเองตามสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่

...

อย่างเช่น สังคมของคนอาศัยอยู่ขั้วโลกเหนือ หรือขั้วโลกใต้ จะมีอุณหภูมิที่หนาวเย็น การดำรงชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมก็ย่อมแตกต่างจากผู้คนที่อาศัยอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตรของโลกที่มีอุณหภูมิค่อนข้างร้อนและร้อนจัด การดำรงชีวิตก็ย่อมมีความแตกต่างกันไปมากพอสมควร แต่สังคมจะแตกต่างกันไปเพียงใดก็ตาม เราก็ยังใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในโลกนี้เหมือนกัน คือจำเป็นต้องใช้ดิน น้ำ ไฟ ลมเช่นเดียวกัน

“สังคมไทย” ก็คือวิถีชีวิตของคนไทยที่มีความเชื่อและการดำรงชีวิตที่คล้ายคลึงกัน ได้สัมผัสกับทรัพยากรธรรมชาติของโลกนี้คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าที่ดิน หรือผืนแผ่นดิน ที่ใช้ในการพักพิงอาศัย หรือทำการเกษตรป่าไม้ภูเขาก็คล้ายคลึงกัน น้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตและทำการเกษตรก็คล้ายคลึงกัน

“อุณหภูมิไม่ว่าร้อน หรือหนาวก็คล้ายคลึงกัน การเปลี่ยนแปลงทิศทางของลมก็ใช้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ หรือลมจากตะวันออกเฉียงเหนือ จึงทำให้คนไทยเรากลายเป็นสังคมที่มีวิถีชีวิตที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน มีประเพณีและวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันอีกชาติหนึ่ง”

แต่...มาวันนี้สังคมกำลังเปลี่ยน นั่นย่อมหมายถึงว่าจะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนไทยเราขึ้นมาทันที สิ่งที่เราเคยได้รับความสุขความสะดวกสบายก็จะเปลี่ยนไปเป็นได้รับความระแวงมากขึ้น ได้รับความอึดอัดมากขึ้น จนมีความรู้สึกว่าอะไรๆก็ไม่เหมือนเดิมไปทุกที

“เราต้องยอมรับว่าชีวิตตั้งแต่เกิดมาก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตลอด เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาในประเทศก็มีแตกต่างกันออกไปตามยุคตามสมัย มีทั้งชอบใจและไม่ชอบใจ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มีทั้งสุขและมีทั้งทุกข์ผสมผสานกันไป เราจะให้ทุกอย่างคงเดิม หรือเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว”

เราต้องยอมรับกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดและดีขึ้นกว่าเดิม วันนี้สังคมกำลังจะเปลี่ยนและชีวิตของเราก็กำลังจะเปลี่ยน เราจึงจำเป็นต้อง “เตรียมตัวเตรียมใจ” เพื่อความอยู่รอดและอยู่ได้ แต่อย่าตื่นตูมจนกลายเป็น “คนหวาดผวา” ขาดสติและขาดปัญญาไปเสียเอง

มิเช่นนั้นเราก็จะตก “เป็นทาส” ของเหตุการณ์

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนี้ เราก็ได้รับทราบถึงมาตรการของการป้องกันของทางรัฐบาลที่ชัดเจนออกมาแล้ว อะไรที่ควรหลีกเลี่ยงมิให้ติดเชื้อโรคนี้ก็กำหนดขึ้นมาแล้วและได้ขอความร่วมมือร่วมใจกับผู้คนในประเทศไทยของเราแล้ว การสื่อสารที่สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนจึงเป็นหัวใจอันสำคัญยิ่ง การป้องกันและรักษาโรค วิธีทางการแพทย์จึงต้องเป็นไปอย่างเข้มข้น การคัดกรองผู้ที่จะเข้าไปแต่ละพื้นที่ได้มีความเข้มงวดมากขึ้น หรือจะเรียกว่า “ปิดเมือง” โดยที่ยอมเสียวันนี้ยังจะดีกว่าสูญเสียไปมากกว่านี้

ทุกคนต้องยอมรับว่า ในยุคนี้ไม่มีอะไรที่น่ากลัวกว่าการเปลี่ยนแปลงของธาตุสี่อันประกอบไปด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟและธาตุลม ธรรมชาติทั้งสี่ชนิดนี้กำลังจะกลับคืนมาทำลายชีวิตมนุษย์เราเอง เพราะเราเคยทำลายทรัพยากรธรรมชาติจนลืมตัว บัดนี้ภัยร้ายเกิดขึ้นแล้ว ขอให้ตั้งสติ ให้ความร่วมมือร่วมใจกับมาตรการการป้องกันและแก้ไขอย่างเต็มที่ โดยตั้งตนอยู่ใน “ความไม่ประมาท” จากที่จะร้ายก็จะกลายเป็นดี...

...

จากที่อันตรายก็จะอันตรธานหายไป เราจะไม่กลายเป็นไก่ที่ตายทั้งสุ่มนั่นเอง...

อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นชนิดต่างๆ เราย่อมสามารถใช้ความรู้ความสามารถป้องกันได้อีกระดับหนึ่ง จากที่อาจจะรุนแรงก็กลายเป็นเบาขึ้นมา จากที่อาจจะเกิดก็จะไม่เกิดขึ้นก็ได้ เราหันมาดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพหน้าที่การงานด้วยการน้อมนำเอาหลักธรรมคำสอนของศาสนาที่ตนเองเคารพและนับถือมาประพฤติปฏิบัติกันเถิด พระศาสดาของแต่ละศาสนาย่อมสอนให้ศาสนิกน้อมนำเอาแต่สิ่งที่ดีไปประพฤติปฏิบัติกัน

สิ่งที่ดีก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตของแต่ละศาสนิก อยากได้ความสุข เราก็ต้องสร้างแต่ความสุข อยากได้ความเจริญ เราก็ต้องสร้างแต่ความเจริญ อยากได้ความสงบ เราก็ต้องสร้างแต่ความสงบ อยากให้ชีวิตปลอดภัยจากโรคร้ายไวรัสโควิด-19 เราก็ต้องป้องกันมิให้ไวรัสร้ายนี้มาถึงตัวเราหรือมาอยู่ในตัวเรา ในครอบครัว...ในชุมชนของเรา

วันนี้จะชี้ให้เห็นว่า “เราเป็นคนเคารพกติกาของสังคมเพียงใด เคารพชีวิตของผู้อื่นเพียงใด และเคารพทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดเพียงใด” ถ้าเราทำได้ก็เท่ากับเราช่วยรักษาชีวิตของตัวเราเองและชีวิตของคนอื่นไปในตัวอีกด้วย อันตรายจะสาหัสเพียงใดก็ตามก็ย่อมห่างไกลและผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน

...

การประพฤติปฏิบัติตนเองตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ของพุทธศาสนิกชนก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ตัวเรามีชีวิตที่อยู่รอดและทำให้คนอื่นมีชีวิตที่อยู่รอดไปได้...การไม่เข้าไปมั่วสุมกับผู้คนจำนวนมาก ไม่ว่าการเที่ยวกลางคืน การเที่ยวดูการละเล่น การเล่นการพนัน การคบคนชั่วเป็นมิตร

วันนี้ “คนไทย” และ “สังคมไทย” รวมถึงสังคมโลกก็ตกอยู่ในชะตากรรมเหมือนไก่ที่ถูกขังอยู่ในสุ่ม หรือเล้านั่นเอง ไม่มีใครหลบหลีกไปได้ ไม่มีใครหลบหนีจากประเทศนี้และโลกนี้ไปได้

จะบอกว่าเราจนตรอกก็ถูกต้อง จึงจำเป็นต้องอยู่และต้องสู้เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์เราคนที่เห็นแก่ตัวก็ไปไม่รอด คนที่คิดว่าตัวเองถูกเพียงอย่างเดียวก็คงไม่รอด เราตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ขอให้หันมาร่วมมือร่วมใจกันป้องกันให้ดีที่สุด โดยเริ่มที่ “ตัวเรา” เป็นประการสำคัญ

...

“ไก่ที่อยู่ในสุ่มก็จะไม่ตายยกกรง ไก่ที่คาดว่าจะโชคร้ายก็กลายเป็นโชคดี เพราะไก่มีสติและใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา ไม่ไปชี้โทษคนอื่นหรือชีวิตอื่น หรือจิกกันตายไปเอง มนุษย์เราก็เช่นเดียวกัน เราจะอยู่รอดปลอดภัยในขณะนี้ก็เหลือเพียงคำเดียวว่า...ให้ คือให้กับชีวิตของตนเองและให้กับชีวิตของคนอื่น”

อันตรายดังกล่าวก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ถ้ามนุษย์ยังเป็น “คนมัจฉริยะ” คือเป็นคนตระหนี่ขี้เหนียวแล้ว หรือเห็นแก่ตัวแล้ว ทุกอย่างก็จะไม่สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ สุดท้ายเราก็อาจจะมีจุดจบเหมือน “ชะตากรรมของไก่” อย่างที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย

ชะตากรรมของไก่อย่าให้มาถึงชะตากรรมของมนุษย์เลย ขอจงเป็นผู้ให้และผู้เสียสละ จากร้ายก็จะกลายเป็นดี จากน่ากลัวก็จะกลายเป็น “น่ารัก” จากที่กำลังจะเปลี่ยนไปก็ยังมั่นคงอยู่กับที่ จากที่กำลังจะจากโลกนี้ไปแล้วก็จะกลับฟื้นคืนมาอยู่ร่วมโลกเดียวกันอีกต่อไป

ชื่นใจที่คนไทยดูแลและช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยากเช่นนี้.