เหมือนหนังที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับ เหตุโจรปล้นร้านทอง พอมีเหตุเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาเดือดร้อนระดมกำลังออกติดตามหาตัวคนร้าย ติดตามหาทองมาคืนให้คนที่เป็นเสี่ยเจ้าของร้านทอง

คนเขียนมาบอกว่า เหตุเกิดบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยเห็นเจ้าของร้านค้าทอง คิดหามาตรการป้องกันเหตุร้ายให้กับร้านของตัวเอง ทำให้ผู้บริสุทธิ์อย่างพนักงานร้าน ลูกค้าหรือ รปภ.มารับบาปรับความซวยไปด้วย

ที่เห็นล่าสุดเป็นคดีดัง โจรบุกเดี่ยวชิงทองในห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี ใช้ทูตมรณะขนาด 9 มม. ต่อลำกล้องเก็บเสียง ไล่ยิงทุกคนที่ขวางหน้า ไม่เว้นเด็กอายุ 2 ขวบ มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บอีก 4 คน ตำรวจต้องระดมกำลังกันออกไล่ล่าตัวคนร้าย ก่อนจะติดตามจับกุมได้พร้อมของกลางทองคำที่ถูกปล้นไปจากร้านค้าทอง

ตำรวจไม่ได้หลับไม่ได้นอน

กว่าจะติดตามจับกุมคนร้าย ตามหาทองคำของกลางมาคืนแถมบางคดีถูกชาวบ้านด่าหาว่าล่าช้าในการติดตามคนร้าย ซึ่งบางร้านไม่ติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือใช้กล้องที่มีคุณภาพต่ำ เทียบไม่ได้กับมูลค่าทองคำ

คำถามคือ ทำไมต้องเอาของมีค่าราคาสูง ออกมาโชว์ล่อตาล่อใจ คนที่ปล้นอาจไม่ใช่อาชญากรโดยอาชีพ แต่เนื่องจากโอกาสมันเปิดก็ทำให้คนเกิดความโลภ ที่สำคัญเหตุการณ์ลักษณะนี้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีวิธีป้องกันเชียวหรือทำได้อย่างมากแค่ติดกรงเหล็ก ติดตั้งประตูนิรภัย พอช่วยได้ในระดับหนึ่งแค่นั้น

แต่เจ้าของร้านมักไม่เอาใจใส่กัน อ้างว่ามันดูเสียทัศนียภาพ ดูทึบ ลูกค้าไม่เข้าร้าน คนซวยคือพนักงานร้านที่ต้องเป็นหนังหน้าไฟ รับทุกสถานการณ์ โจรสมัยนี้ไม่ขึ้นบ้านเรือนกันแล้ว เพราะเจอทั้งรั้วลวดหนาม กำแพงสูง สุนัขเห่า แถมมีกล้องวงจรปิดรอบบ้าน เข้าไปไม่รู้จะได้ทรัพย์สินอะไรหรือเปล่า

...

จะไปปล้นร้านสะดวกซื้อก็ไม่คุ้มค่า เจ้าของร้านใช้มาตรการไม่เก็บเงินไว้ที่แคชเชียร์ ปล้นไปอย่างมากก็ได้แค่หลักพัน แต่ปล้นร้านค้าทองคำ ลงมือปล้นครั้งเดียวถือว่าคุ้มค่า

ได้เงินได้ทองเป็นกอบเป็นกำ

คนเขียนมาบอกว่า ควรเลิกได้แล้วเจ้าของร้านเอาทองคำออกมาใส่ตู้กระจกล่อตาล่อใจคนโลภ ควรหามาตรการที่รัดกุม ป้องกันเหตุได้จริงๆ ต้องมีการแลกบัตร หรือเอาทองมาให้เลือกในห้องส่วนตัว

หรือจะซื้อขายกันทางออนไลน์เลยยิ่งดี จะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

สงสารตำรวจที่ต้องทำงานหนัก สงสารผู้บริสุทธิ์ที่เขาไม่รู้เรื่องอะไร

ปัญหาเหล่านี้จะได้หมดไปเสียที.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th