ทั้งที่บ้านเรามีวัตถุดิบผลิตแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโควิด-19 มากมายจนล้นตลาด และมีโรงงานผลิตเอทานอล แอลกอฮอล์ 99.5% มีกำลังผลิตเหลือเฟือ ที่จะผลิตเพิ่มได้อีกวันละ 1.83 ล้านลิตร
แต่แอลกอฮอล์ 70% ทั้งในรูปสเปรย์ฆ่าเชื้อ เจลล้างมือกลับขาดแคลนและแพง
นั่นเป็นเพราะข้อกำหนดของกฎหมายบังคับไม่ให้โรงงานเหล่านี้ผลิตและจำหน่ายเป็นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อได้
กฎกระทรวงการคลัง...ผู้ที่จะผลิตสุราสามทับ (แอลกอฮอล์ 80% ขึ้นไป) จะต้องเป็นรัฐวิสาหกิจ
ประกาศกระทรวง การคลัง...โรงงานที่ผลิตเอทานอล (แอลกอฮอล์ 99.5% ขึ้นไป) จะเอาเอทานอลออกจากโรงงานไปขายได้ ต้องแปลงสภาพ ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วเท่านั้น ผู้ใดฝ่าฝืนโรงงานจะถูกสั่งปิดทันที
เลยทำให้บ้านเรามีองค์การสุรา เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแอลกอฮอล์ได้แต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่มีกำลังผลิตอยู่แค่ปีละ 15 ล้านลิตร
ในขณะที่ 26 โรงงานของเอกชนสามารถผลิตแอลกอฮอล์เพิ่มได้อีกปีละ 600 ล้านลิตร
ปัญหาแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อแพงและขาดแคลนจะไม่เกิดขึ้น...ถ้ารัฐบาลกล้าที่จะสั่งแก้กฎหมายทันที ไม่จำเป็นต้องเสียเวลานำเข้ารัฐสภา เพราะกฎหมายระดับกฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ฝ่ายบริหารสามารถใช้อำนาจแก้ไขได้เอง
ไม่เพียงทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้เพิ่ม ยังทำให้ประชาชนได้ใช้แอลกอฮอล์ราคาถูก
เพราะเอาแอลกอฮอล์ 99.5% ที่กำหนดราคาขายไว้ที่ลิตรละ 23 บาท มาแปลงเป็นแอลกอฮอล์ 70% เพื่อฆ่าเชื้อโควิด-19 ราคาจะหล่นมาเหลือแค่ลิตรละ 16.20 บาท...เมื่อแปรรูปเป็นน้ำยาฉีดพ่น เจลล้างมือ บรรจุขวดขนาด 250 มล. ให้ราคาบวกกำไรเท่าตัว ไม่น่าจะเกินขวดละ 50-60 บาท
ไม่ใช่อย่างที่ขายแพงเว่อร์กันในตอนนี้ ขวดละร้อยกว่าบาท และกำลังพุ่งไปมากกว่านี้
...
นั่นเพราะแอลกอฮอล์ที่รัฐวิสาหกิจผูกขาดทำออกมาขาย ราคาปาเข้าไปถึงลิตรละ 90 บาท นี่เป็นราคาก่อนที่โควิด-19 จะระบาดนะ...ยังแพงกว่าของโรงงานเอทานอล 4 เท่าตัว.
สะ–เล–เต