"เลขาฯสภาทนายความ" ชี้กรณี "ทนายตั้ม" คดียังไม่ถึงที่สุด ยังทำหน้าที่ทนาย ว่าความในคดีที่ดูแลอยู่ได้ เผยโทษหนักสุด หากผิดมรรยาท
จากกรณี ชุดสืบสวน บก.น.3 ร่วมกับชุดสืบสวน สน.มีนบุรี นำหมายจับศาลมีนบุรี เข้าจับกุม นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ทนายความชื่อดังข้อหาร่วมกันนำสืบพยานเท็จ แสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และเบิกความเท็จ ต่อศาลมีนบุรีในคดีเอมี่ อาเมเรีย จาคอป จับได้ที่สำนักงานกฎหมาย จังหวัดสมุทรสาคร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 ก.พ.63 นายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความ และกรรมการบริหารภาค 6 ให้ข้อมูลทางวิชาการว่า หากมีทนายความถูกดำเนินคดีอาญา แต่ว่ายังไม่มีผลการตัดสินคดีจากทางศาลถึงที่สุด และศาลอนุญาตให้ประกันตัว ทางทนายความคนดังกล่าวสามารถทำงานต่อได้ ไม่มีผลกระทบต่อคดี ที่กำลังดูแลอยู่
ส่วนการดูแลทนายของทางสภาทนายความ หากมีการร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับพฤติกรรมของทนาย ที่เข้าข่ายกระทำฝ่าฝืนมรรยาท จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดว่า การกระทำของทนายความดังกล่าวผิดมรรยาทหรือไม่ ถ้ายังอยู่ระหว่างพิจารณา เรื่องยังไม่แล้วเสร็จ ทางทนายความที่ถูกร้องเรียนยังสามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ
แต่เมื่อมีผลชี้ขาดมาแล้วว่า ทนายคนใดผิดหลักมรรยาท การลงโทษหนักที่สุดคือลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ ไม่มีสถานะเป็นทนายความ ห้ามว่าความคดีต่อ หรือรับทำคดีอื่นๆ อีกต่อไป ส่วนคดีที่เคยได้ทำมีผลการตัดสินของศาลถึงที่สุดในอดีต จะไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น
นายนิพนธ์ กล่าวว่า โดยปกติสภาทนายความ จะเข้าไปให้การช่วยเหลือทนายในการต่อสู้คดีอยู่แล้ว แต่ต้องดูเรื่องข้อเท็จจริงเป็นหลัก หากว่าทนายความไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือถูกบังคับให้ต้องทำในเรื่องที่ไม่สมควร จะมีการช่วยเหลือดูแลสมาชิกอยู่แล้ว และไม่มีการคุ้มครองคนผิดเช่นกัน.
...