ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกล้วยประมาณ 481,639 ไร่ มีการปลูกกล้วยน้ำว้ามากที่สุด 68% กล้วยไข่ 13% กล้วยหอม 12% ที่เหลือเป็นกล้วยพันธุ์อื่นๆ
กล้วยน้ำว้าจะปลูกมากที่สุดในเขตภาคเหนือ แต่ยังขาดกล้วยน้ำว้าพันธุ์ดี และขาดข้อมูลของพันธุ์ ในช่วงปี 2547-2554 ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย กรมวิชาการเกษตร จึงได้รวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมกล้วย ไว้ศึกษาหาสายพันธุ์กล้วยน้ำว้าที่ดีมีคุณภาพ เพื่อนำมาปรับปรุงพันธุ์ให้ได้สายพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะดีเด่น ให้ผลผลิตสูงมีคุณภาพ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าพันธุ์การค้า เพื่อเป็นพันธุ์ทางเลือกสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกร
โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกกล้วยน้ำว้าพันธุ์ดี ต้องให้ผลผลิตสูง มีจำนวนหวีต่อเครือไม่ต่ำกว่า 7 หวี เนื้อแน่น สีเนื้อขาวนวลถึงเหลือง รสชาติหวาน คุณภาพการบริโภคดี ผู้บริโภคให้การยอมรับสูง
แล้วนำไปปลูกทดสอบปลูกเปรียบเทียบ เมื่อปี 2558-2560 ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเลย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่มีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศที่แตกต่างกัน
พบว่า กล้วยน้ำว้าสายพันธุ์ สท.55-4 เจริญเติบโตได้เร็ว ต้นแข็งแรง ผลผลิตเฉลี่ยน้ำหนักเครือและจำนวนหวีต่อเครือสูงสุดทั้ง 3 สถานที่ผลิต ที่สำคัญยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดตรงกับวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงพันธุ์
จึงได้ตั้งชื่อกล้วยน้ำว้าพันธุ์ใหม่นี้ว่า...กล้วยน้ำว้าสุโขทัย 1
มีลักษณะเด่น ให้ผลผลิตสูง เครือละ 9 หวี น้ำหนักเครือ 16.1 กิโลกรัม สูงกว่ากล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง พันธุ์การค้าที่ให้ผลผลิตเครือละ 8 หวี มีน้ำหนักเครือ 13.7 กิโลกรัม
ลักษณะผลกล้วยน้ำว้าพันธุ์สุโขทัย 1 ค่อนข้างป้อมกลม ผลค่อนข้างใหญ่กว้าง 3.8 ซม. ยาว 14 ซม. ผลใหญ่กว่าพันธุ์การค้า เนื้อผลทั้งดิบและสุกมีสีครีมอ่อน เนื้อละเอียดเหนียว และมีรสชาติหวานไม่ปนเปรี้ยว
...
นอกจากนั้นยังให้คุณค่าทางโภชนาการ วิตามินบี 3 และโปแตสเซียม สูงกว่าพันธุ์การค้า
เกษตรกรสนใจนำไปปลูก ติดต่อขอหน่อพันธุ์ได้ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย 0-5567-9085-6.
สะ-เล-เต