หลังปี 2563 “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เข้าสู่ปีที่ 5 เส้นทางชีวิตตำรวจที่ครบเครื่องทั้งบู๊และบุ๋น เป็น มือประสานสิบทิศ ทำงานได้กับทุกฝ่าย ทุกรัฐบาล เป็นผู้นำหน่วยที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้อง รู้จังหวะการทำงาน ที่สำคัญมีความเด็ดขาด เข้าใจงานตำรวจ ไม่เคยสร้างปัญหาให้รัฐบาล

ทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดีในทุกรัฐบาล คือตัวตนของ “บิ๊กแป๊ะ” ในทุกตำแหน่งเติบโตจากหน่วยงานหลัก ด้วยผลงาน ฝีไม้ลายมือ ผ่านมาทุกหน้างาน อีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากำลังจะเป็น ผบ.ตร.ที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้งกรมตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สมัยเป็นผู้การ 191 มีผลงานจับกุมคดีสำคัญมานับไม่ถ้วน เติบโตมาต่อเนื่องในหน่วยงานสืบสวนปราบปราม บช.ก. และ บช.น. ขยับเป็น ผบช.น. ในยุคม็อบป่วนกรุง สังคมแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งสี “บิ๊กแป๊ะ” นำทีมตำรวจนครบาลเข้าดูแลการชุมนุม วางตัวเป็นกลาง แม้ตำรวจจะถูกใส่ร้ายป้ายสีตกเป็น “จำเลยสังคม” แต่ผู้นำหน่วยไม่เคยบ่น ก้มหน้าก้มตาทำงานดูแลประชาชนไม่ให้เกิดความสูญเสีย และไม่ให้ลูกน้องเสียขวัญกำลังใจในการทำงาน

ช่วงเกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนกับกลุ่มผู้ชุมนุม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถอดเครื่องแบบตำรวจออกมาช่วยปฐมพยาบาลลูกน้องตำรวจและผู้ที่ร่วมชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ

เป็นภาพของความเป็น “นาย” ที่ไม่ทิ้งลูกน้อง และเป็น “ตำรวจ” ที่อยู่ข้างประชาชน

หลังจากที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลเป็นผู้นำสีกากีในยุครัฐบาล คสช. ต่อจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ซึ่งแรกบนเก้าอี้ผู้นำสูงสุด “พิทักษ์ 1” ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ตำรวจอยู่ในสภาพที่สั่นคลอนอย่างหนัก โดยเฉพาะภาพความเชื่อมั่นในสายตาของพี่น้องคนไทย

...

พล.ต.อ.จักรทิพย์ใช้ประสบการณ์ที่โตมากับงานตำรวจหน่วยหลัก รู้ดีว่าต้องปรับเปลี่ยนตำรวจให้เข้ากับสถานการณ์ของสังคม ทำให้ตำรวจเป็นที่เชื่อถือศรัทธาของพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด

ปีแรก “บิ๊กแป๊ะ” เน้นการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ เปลี่ยนตำรวจทั่วประเทศให้ดูดีทั้งกายและจิตใจ โรงพักสะอาดเรียบร้อย ตำรวจพูดจาดีเป็นมิตร ดูแลประชาชน ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงประชาชน เมื่อประชาชนเห็นตำรวจต้องรู้สึกอุ่นใจ ตำรวจทำงานได้ง่าย และเน้นความสามัคคีของตำรวจทุกหน่วย ช่วยกันทำงาน

พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็น ผบ.ตร.ที่อายุน้อยสุดในบรรดารอง ผบ.ตร.ที่ดูแลสายงานต่างๆ แต่ “บิ๊กแป๊ะ” ใช้ความเป็นพี่น้องเข้าหารุ่นพี่ทำงานร่วมกันได้ดี ซึ่ง “บิ๊กแป๊ะ” พูดอยู่เสมอว่า “ผมทำงานอยู่ใน 2 สถานะ สถานะแรกเป็นผู้นำตำรวจ ผู้บังคับบัญชา แต่อีกสถานะยังเป็นพี่ๆน้องๆของตำรวจ”

ปีที่ 2 ต่อเนื่องถึงปีที่ 4 เน้นการทำงาน “จิตอาสา” ตามแนวพระราชดำริ “ตำรวจทำความดีด้วยหัวใจ” ตำรวจทุกนายเป็นจิตอาสาทั้งกายและใจ พร้อมช่วยเหลือประชาชนไม่หวังผลตอบแทน

จนในปีสุดท้ายในรัฐบาล “ลุงตู่ 2” ผบ.ตร.เพิ่มนโยบายเข้มมาตรการ Fake news กับสถานการณ์การเมืองที่เริ่มมีการโจมตีให้ร้ายกัน สร้างความแตกแยก ตำรวจต้องวางตัวเป็นกลาง วิเคราะห์ข้อมูลการข่าว ไม่ปล่อยให้ขบวนการ Fake news มาทำลายความเชื่อมั่น ทำลายความมั่นคงของประเทศไทย

จะเห็นได้ว่า นโยบายของ “บิ๊กแป๊ะ” ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เข้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง ถือว่านำพาตำรวจเดินถูกทาง ทำงานตามเป้าหมาย เข้ากับสังคมและประชาชนได้อย่างดี

4 ปีที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบโดยตรงกับองค์กรตำรวจ ซึ่ง ผบ.ตร.แสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำ ใช้ความประนีประนอม ยอมลดบทบาทลงเพื่อให้งานเดินไปได้ แต่ยังคงแสดงความเป็นผู้นำตำรวจที่ทำงานอยู่กับลูกน้อง เป็นกลไกงานหลักตามนโยบายทุกรัฐบาล และเป็นที่พึ่งพิงของผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน

เหตุการณ์ 13 หมูป่าที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ประชาชนคนไทยและทั่วโลกเฝ้าดูใจจดใจจ่อกับภารกิจช่วยชีวิตทีมนักฟุตบอลหมูป่า 13 ชีวิตที่พลัดหลงเข้าไปในถ้ำ ตำรวจเป็นหน่วยงานที่ทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังหามรุ่งหามค่ำ ผบ.ตร.ไม่ได้นั่งสั่งงานอย่างเดียว ลงพื้นที่ให้กำลังใจตำรวจ เดินเข้าไปเดินป่าร่วมกับตำรวจ ตชด. เพื่อหาทางเข้าช่วยเหลือ 13 หมูป่า กินนอนกลางเขากับลูกน้อง ได้ใจตำรวจและประชาชน

...

คดีสะเทือนขวัญฆ่ายกครัว 8 ศพ ที่ จ.กระบี่ คนร้ายจ่อยิงคนในบ้านอย่างโหดเหี้ยม แม้กระทั่งเด็ก 3 ขวบก็ไม่เว้น เป็นสิ่งที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ รับไม่ได้ คนร้ายโหดเหี้ยม ไม่ยำเกรงกฎหมาย นำชุดสืบสวนมือดีลงพื้นที่ลุยสืบสวนจับกุมทีมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว สร้างความพอใจให้กับญาติเหยื่อผู้ที่เสียชีวิตและคนที่ติดตามคดี

ภาพของ “บิ๊กแป๊ะ” นอกเครื่องแบบนำตำรวจบุกค้นรังโจรที่กบดานคนร้าย บุกจับคนร้ายกลางดึกด้วยตนเอง เป็นความเชื่อมั่นของตำรวจ และอบอุ่นใจของพี่น้องคนไทย ที่มีผู้นำหน่วยครบเครื่อง

คดีระเบิดป่วนกรุงตั้งแต่ระเบิดแยกราชประสงค์ คดีวางเพลิงเผาไหม้ที่หัวหิน ต่อเนื่องจนถึงล่าสุดช่วงเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายลักลอบวางระเบิดในพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ 11 จุดทั่วกรุง ผู้บงการระเบิดจงใจเลือกเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ เริ่มตั้งแต่ระเบิดแสวงเครื่องลูกแรกที่ด้านหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลูกที่ 2 สยามสแควร์วัน ระเบิดเพลิงร้านค้าย่านประตูน้ำ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

ผู้บงการระเบิดจงใจ ดิสเครดิตรัฐบาล มือระเบิดแยกย้ายกันมาจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับงานก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่เมืองหลวง มีคนวางแผน จัดหาระเบิดแสวงเครื่องและระเบิดเพลิง คนชี้เป้าหมาย ให้กลุ่มมือปฏิบัติขึ้นมาสร้างสถานการณ์ในช่วงการประชุมสำคัญที่ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพ

เป็นที่รู้กันดีว่า คดีระเบิดแบบนี้เกิดขึ้นแต่ละครั้ง จับกุมยาก คนร้ายวางแผนมาอย่างดี แบ่งทีมกันทำชัดเจน ที่สำคัญแต่ละทีมมาแบบที่จะไม่รู้จักกันมาก่อน มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง เมื่อเกิดเหตุแล้วจับกุมยาก

แต่ไม่รอดฝีมือของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ทันทีที่เกิดเหตุได้สั่งให้ชุดสืบสวนไล่กล้องวงจรปิดตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ไม่ถึงวันรวบตัวมือระเบิดได้

...

ในระหว่างหลบหนีลงพื้นที่ภาคใต้ ล่าสุดคดีกลุ่มโจรใต้อาวุธครบมือบุกยิงถล่มเจ้าหน้าที่ชุด ชรบ. มีผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 5 ราย ในพื้นที่ จ.ยะลา หลังเกิดเหตุ ผบ.ตร.บินด่วนลงพื้นที่ลงใต้ทันที รวบรวมหลักฐานจับกุมกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุ และเปิดปฏิบัติการบุกค้นรังโจร ทลายกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้

การลงพื้นที่ของ ผบ.ตร.ทันที เรียกขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติและชาวบ้านในพื้นที่ภาคใต้

ยังไม่นับรวมอีกหลายคดีในช่วงที่ผ่านมา เกิดเหตุคดีสะเทือนขวัญที่มีผลต่อชื่อเสียงของประเทศ “บิ๊กแป๊ะ” ไม่เคยปล่อยผ่าน หลายคดีที่ ผบ.ตร.ลงพื้นที่ร่วมวางแผนสืบสวน รวมทั้งภัยธรรมชาติที่มีผลต่อคนไทย

4 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นความเป็นผู้นำ ทำงานแบบถึงลูกถึงคน เป็นนายที่ไม่ทิ้งลูกน้อง และเป็นตำรวจที่เข้าใจความทุกข์ของคนไทย ทำให้ภาพรวมของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูดีขึ้นมาก เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่นในสายตาของพี่น้องประชาชนคนไทย และเป็น “แบบอย่าง” ที่ดีของตำรวจรุ่นหลัง

กำลังจะเป็นตำนาน ผบ.ตร.ที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ตำรวจ.

...

ทีมข่าวอาชญากรรม