15 เดือนเข้าไปแล้วที่อุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรบ้านเรามูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท มีเกษตรกรร่วม 2 แสนราย สุกรอีก 22 ล้านตัว สามารถรอดพ้นจากภัยคุกคามของโรค ASF ทั้งที่ระบาดใน 29ประเทศ
เพื่อนบ้านอาเซียนเจอกันทั่วหน้า...ตั้งแต่เวียดนาม เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย
แต่เรารอดพ้นมาได้ นั่นต้องยอมรับนับถือในพลังของคนในวงการอุตสาหกรรม ทั้งภาครัฐ เอกชน เกษตรกร ที่ร่วมแรงร่วมใจ พยายามทำกันทุกวิถีทางในการระงับยับยั้งไม่ให้โรค ASF เข้าบ้านเราได้
ทำกันแม้แต่สละเงินส่วนตัวลงขันตั้งเป็นกองทุนขึ้นมาหลายสิบล้านเพื่อเป็นทุนเยียวยาให้เกษตรกรที่สูญเสียรายได้ จากการนำสุกรต้องสงสัยว่าเป็นโรคไปทำลาย แต่เมื่อภาคเอกชนร้องบอกกองทุนที่มีชักเริ่มร่อยหรอ
รัฐบาลแสดงความใส่ใจ อนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน 950 ล้านบาท เพื่อยกระดับการป้องกันโรค ASF ให้ครอบคลุมเป็นค่าชดเชยค่ารถกำจัดซาก ค่าแล็บ ค่าเวชภัณฑ์ ฯลฯ เพื่อปกป้องเกษตรกรคนเลี้ยงหมู 2 แสนราย เพื่อไม่ให้ระบบป้องกันโรคของประเทศต้องสะดุด
เมื่องบมีเพียงพอ มาตรการป้องกันก็ครบถ้วน ภายใต้การทำงานอย่างจริงจังของรัฐและเอกชน...เกษตรกรคนเลี้ยงหมูมีกำลังใจขึ้นเยอะ ที่รัฐไม่ทอดทิ้งลอยแพ
แค่นั้นไม่พอ ธนาคารออมสิน ยังเข้ามาร่วมแจมด้วย ทั้งที่การประกอบอาชีพเกษตรดูเหมือนจะเป็นภาคเดียวมักถูกมองข้ามในการปล่อยสินเชื่อ เพราะเป็นอาชีพมีความเสี่ยงสูง รายได้ ราคาสินค้าเกษตรเอาแน่เอานอนไม่ได้...ธนาคารต่างๆมักจะหลีกเลี่ยงที่จะให้เกษตรกรกู้ยืมเป็นทุนทำมาหากิน
ในสถานการณ์เช่นนี้ ธนาคารออมสินได้เข้าร่วมส่งเสริมภาคเกษตรในโครงการเกษตรพันธสัญญา ช่วยให้เกษตรกรทั่วไป รวมทั้งผู้เลี้ยงหมูได้มีเงินทุนหมุนเวียน คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 และระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 10 ปี ทำให้ภาระเกษตรกรไม่หนักอึ้งจนเกินไป
...
เลยอดสงสัยไม่ได้ว่า จะมีธนาคารไหนที่รู้จักคิดแบบนี้อีกไหม.
สะ–เล–เต