มีคุณผู้อ่านเขียนมาสอบถามถึงปัญหาของลูกชาย อยู่ชั้นมัธยมปลาย ซึ่งมาบอกคุณแม่ว่าตัวเขาเป็นโรคซึมเศร้า แต่คุณแม่คิดว่าเขาน่าจะเรียกร้องความสนใจมากกว่า เพราะลูกมีปัญหาครอบครัว พ่อแม่หย่ากันตั้งแต่ลูกยังอยู่อนุบาล คุณแม่เล่าว่าลูกเวลาไม่พอใจหรือน้อยอกน้อยใจก็จะร้องไห้แล้วก็ทำท่าเกร็งชัก นอกจากนี้ ยังมีปัญหาติดมือถือและติดเกมมาก และเริ่มไม่ออกไปไหนนอกบ้าน นอกจากไปโรงเรียน แม่ชวนไปไหนก็ไม่ไป ช่วงนี้ลูกบอกว่าจะไม่เรียนต่อแล้วก็ร้องไห้ พูดแต่ว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจและขัดขวางการคิดของเขา..

ในเมื่อลูกไม่ยอมออกจากบ้านมาพบครูเคทเพื่อพูดคุยกัน คุณแม่ก็เลยจัดการให้ได้โทรคุยกับครูเคท น้องบอกว่าไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเขารู้สึกว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า ตอนนี้จิตตกกับทุกอย่าง ไม่อยากเรียนเพราะกลัวว่าจะตอบครูไม่ได้ กลัวครูดุ ถามครูหลายๆ รอบก็จะสับสนในตัวเอง ก่อนเกิดอาการซึมเศร้า เกิดเหตุการณ์ถามครูแล้วครูตอบไม่ได้ แล้วครูว่าโง่ เพื่อนก็ว่าแค่นี้ทำไมไม่รู้ นอกจากนี้เวลาไปโรงเรียน ครูจะเก็บโทรศัพท์ของนักเรียนทุกคนเอาไว้ จึงทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน และรวมถึงไม่อยากเรียนต่อที่ไหนอีกด้วย แต่เมื่อครูเคทได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่ครูและเพื่อนๆ ว่าเขาในรายละเอียด พบว่าเขาเล่ารายละเอียดไม่ได้ พูดแต่เพียงว่าเขาไม่เข้าใจจึงถามครู เมื่อครูอธิบายแล้วก็ยังไม่เข้าใจ เพื่อนๆ ก็ช่วยๆ กันอธิบาย แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าทุกคนรุมว่าเขา เขารู้สึกหงุดหงิดและเริ่มปวดหัว เมื่อถามถึงสิ่งที่เขาอยากทำ หากไม่เรียนต่อ เขาบอกว่าเขาอยากทำชุดคอสเพลย์ ทุกวันนี้เขาอินกับการทำชุดคอสเพลย์มาก นอกจากนี้เขายังได้เล่าให้ฟังถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนมัธยมต้นที่เขาไม่สามารถลบล้างออกไปได้ แม้เหตุการณ์จะผ่านไป 4-5 ปีแล้ว

...

หากมองผ่านๆ อาจเห็นว่าเป็นปัญหาในการสื่อสารและการปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น แต่เมื่อประเมินจากอายุ และวิธีมองปัญหา และการคิดหาเหตุผลของเหตุการณ์ต่างๆ จะเริ่มเห็นตรรกะแปลกๆ ไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของทั้งตนเองและของผู้อื่นได้ พอให้ลองคิดหาเหตุผลของเหตุการณ์ต่างๆ หรือการแก้ปัญหาหลายๆ ทาง เขาจะมีอาการเครียดเหมือนเค้นสมองคิดและเริ่มปวดหัว บอกว่าพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ขอตามแม่มาเป็นล่ามในการพูดคุยกับครูเคท

กรณีอย่างนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองอย่ามองข้าม และคิดว่าเป็นปัญหาของวัยรุ่นทั่วไปที่อาจมีปัญหาความไม่เข้าใจกับครูหรือเพื่อน ควรลองชวนคุยสอบถามลูกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีการเกี่ยวข้องกับผู้คน และพยายามฟังว่าเขาเข้าใจเหตุการณ์ อารมณ์ ความรู้สึกอย่างแท้จริงหรือไม่ เพราะลูกอาจมีปัญหาทางสมอง เช่น โรคออทิสติก โรคแอสเพอเกอร์ โรคเครียด จิตเภท หรืออื่นๆ ก็ได้ บางเคสที่ครูเคทเคยพบก็มีอาการทางสมองคล้ายๆกันนี้ อันเกิดจากการดมกลิ่นกาวที่นำมาทำชุดคอสเพลย์สะสมเป็นเวลานาน ควรพาไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุที่ชัดเจน และแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง

ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 08-1458-1165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ