“บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” แถลงปิดบัญชีรับบริจาค น้ำท่วมเป็นทางการแล้ว ได้เงินกว่า 422 ล้าน เบิกมาแล้ว 82 ล้าน แจกให้ชาวอุบลฯ 6 อำเภอ เหลืออีก 9 อำเภอจะเร่งทำให้เสร็จภายในวันที่ 15 ต.ค. ก่อนย้ายไปแจกต่ออีก 5 จังหวัดภาคอีสาน ส่วนน้ำท่วมคลี่คลายแล้วพื้นที่เหลือแค่ 3 อำเภอล่าสุดแม่น้ำมูลลดอีก 37 ซม. แต่ยังสูงกว่าตลิ่ง 47 ซม.ขณะที่ผลกระทบน้ำลดระดับรวดเร็ว ทำให้ดินทรุดห้องพักริมน้ำถล่มเสียหาย ด้านธารน้ำใจหลายหน่วยลงพื้นที่ช่วยฟื้นฟูหลังน้ำลดอย่างต่อเนื่อง

“บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ปิดบัญชีรับบริจาคช่วยพี่น้อง ประชาชนที่ประสบอุทกภัยแล้ว ได้เงินกว่า 422 ล้านบาท โดยเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 2 ต.ค.ที่โรงแรมวิจิตรพร อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดัง ผู้จัดการฝ่ายกิจการพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญูและนายเอกพัน บรรลือฤทธิ์ น้องชายฝาแฝด หัวหน้าอาสาสมัคร มูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมกันแถลงข่าวปิดบัญชีรับเงินบริจาคช่วยเหลือน้ำท่วมภาคอีสานในชื่อบัญชีธนาคารของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ทั้ง 2 บัญชี โดยมียอดรับบริจาครวม 422,496,026 บาท มีการเบิกเงิน 11 ครั้ง รวม 82,000,000 บาท นำไปแจกให้ผู้ประสบภัยตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.-1 ต.ค. จำนวน 74,484,000 บาท ได้ครอบครัวละ 5,000 บาท รวม 13,078 ครอบครัว และผู้ป่วยติดเตียง/ผู้พิการทุพพลภาพ รายละ 5,000 บาท จำนวน 1,677 ราย และวัด 51 แห่ง

นายเอกพันธ์กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ประสบอุทกภัยทั้งหมด 15 อำเภอ ได้ช่วยเหลือ ไปแล้ว 6 ประกอบด้วย 1.อ.เมืองอุบลราชธานี 2. อ.วารินชำราบ 3.อ.พิบูลมังสาหาร 4.อ.ดอนมดแดง 5.อ.สว่างวีระวงศ์ และ 6.อ.เขื่องใน และวันนี้ (2 ต.ค.) จะลงพื้นที่ อ.นาเยีย ส่วนอำเภอที่เหลือรอดำเนินการ 8 อำเภอได้แก่ 1.อ.ม่วงสามสิบ 2.อ.เดชอุดม 3.อ.เหล่าเสือโก้ 4.อ.ตระการพืชผล 5.อ.ตาลสุม 6.อ.โขงเจียม 7.อ.น้ำขุ่น และ 8.อ.กุดข้าวปุ้น ทั้งหมดจะให้ความช่วยเหลือครบทุกอำเภอภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ จากนั้นทีมงานจะไปมอบเงินให้ชาวบ้านในพื้นที่ 5 จังหวัดของภาคอีสานที่ถูกน้ำท่วมต่อไป

...

“การช่วยเหลืออาจดูล่าช้าเพราะต้องการทำงาน ให้รัดกุมถูกต้องตรวจสอบได้ว่าเดือดร้อนจริงหรือไม่ บ้านไหนมีผู้ป่วยติดเตียงหรือคนพิการไม่ถูกน้ำท่วมเราก็จ่าย หลักเกณฑ์การจ่ายเงินนี้ทุกจังหวัดภาคอีสานจะได้รับเท่าเทียมกัน หมดหลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้วก็ต้องดำเนินการต่อหลังน้ำลด โดยจะกลับมาฟื้นฟูที่อุบลราชธานีเป็นจังหวัดแรก โดยมีโรงเรียนและวัดมาแจ้งความจำนงให้ช่วยฟื้นฟูแล้วกว่า 100 แห่ง” นายเอกพันกล่าว

ด้านสถานการณ์น้ำท่วม จ.อุบลราชธานี ล่าสุดยังคงมีท่วมขัง 3 อำเภอคือ อ.สว่างวีระวงศ์ อ.วารินชำราบ และ อ.เมืองอุบลราชธานี ชาวบ้านยังคงอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวรวม 38 ศูนย์ ส่วนระดับน้ำแม่น้ำมูลช่วงเวลา 06.00 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่สถานี วัดระดับน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี วัดได้ 112.47 ม.รทก. ลดลงจากวันที่ 1 ต.ค. อีก 37 ซม. อัตราการไหล 2,581.00 ลบ.ม./วินาที เหลืออีกเพียง 47 ซม. ระดับน้ำจะอยู่ในแนวระดับตลิ่ง ทำให้หลายพื้นที่น้ำแห้งเข้าสู่สภาวะปกติแล้วและหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่ระหว่างช่วยเหลือฟื้นฟู

ที่วัดท่ากกแห่ ต.แจระแม อ.เมืองอุบลราชธานี นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก พร้อมนักฟุตบอลเยาวชน 13 หมูป่าอะคาเดมีติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลงพื้นที่ทำกิจกรรมฟื้นฟูทำความสะอาดหลังน้ำลด นอกจากนี้ 13 นักเตะเยาวชนทีมหมูป่าร่วมแข่งฟุตบอลเชื่อมความสัมพันธ์กับทีมวีไอพีอุบลราชธานีที่สนามฟุตบอลทุ่งคำน้ำแซบ และร่วมคอนเสิร์ต ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมอุบลราชธานี จัดโดยกองทัพภาค 2 อีกด้วย ด้านนายเอกพล หรือ “โค้ชเอก” เผยว่า การเดินทางมาของสมาชิก 13 หมูป่าถ้ำหลวงครั้งนี้เพื่อมาช่วยฟื้นฟู และเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวอุบลราชธานีที่ประสบภัยน้ำท่วมทุกคน

ขณะที่ทหารช่าง กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 6 ออกสำรวจความเสียหายในพื้นที่ประสบอุทกภัยในซอยโพธิ์ทอง ชุมชนเยาวเรศ 2 ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย พบว่าส่วนใหญ่ประตูบ้าน ฝาไม้ผุพังและเน่าเปื่อยจากการแช่น้ำมานานร่วมเดือน ด้านทหารประจำศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบิน 21 นำรถน้ำลงพื้นที่ทำความสะอาดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าเมือง อ.ดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี หลังได้รับผลกระทบจากลำน้ำเซบกเอ่อท่วมนานกว่า 3 สัปดาห์ ส่งผลให้อาคารและเครื่องมือต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับความเสียหาย ทหารร่วมกับจิตอาสาเร่งทำความสะอาดให้เพื่อเปิดให้บริการตรวจรักษาชาวบ้านเร็วที่สุด

...

ช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สภ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ตรวจสอบบ้านเลขที่ 350 หมู่ 1 ต.โขงเจียม ตั้งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำมูลที่เกิดพังถล่มเสียหาย สอบถาม นางนงเยาว์ รัตนสากล อายุ 44 ปี เจ้าของบ้านทราบว่าเดิมบ้านหลังนี้เปิดเป็นร้านอาหารแล้วต่อเติมมาเป็นห้องพัก 20 ห้อง ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนขอจดทะเบียนเปิดเป็นโรงแรม ขณะเกิดเหตุเวลา 04.00 น. ดินริมตลิ่งสไลด์ตัวลงไปในน้ำ ทำให้ห้องพัก 5 ห้องและระเบียงริมน้ำพังเสียหาย โชคดีแขกที่เข้าพัก 2 ห้องวิ่งหนี ออกมาได้ทัน เลยไม่ได้รับอันตราย ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากก่อนหน้านี้แม่น้ำมูลเอ่อท่วมสูงแล้วลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ค่าเสียหายกว่า 5 ล้านบาท

ที่ศาลาวัดแจ้ง ถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผวจ.อุบลราชธานี นำพวงหรีดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไปมอบให้ครอบครัวนายมนตรี บู่คำ อายุ 63 ปี หรือป๋าแสง ประธานบริหารกิจการประสานงาน อปพร.อุบลราชธานี ผู้ประสานงานชุดเรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เกิดหมดสติขณะออกช่วยเหลือชาวบ้าน วันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมาและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ญาตินำศพบำเพ็ญกุศลที่วัดแจ้ง อ.เมืองอุบลราชธานี และมีกำหนดพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 6 ต.ค.นี้

ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะเสนอของบประมาณจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีก 3,000 ล้านบาท เร่งรัดจัดซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวแจกจ่ายให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยเน้นแจกในพื้นที่พร้อมปลูกได้ทันทีหลังน้ำลด สำรวจเบื้องต้นพื้นที่นาข้าวกว่า 3 ล้านไร่เสียหายจากอุทกภัย เพื่อปลูกทดแทนพื้นที่เสียหายต่อไป พื้นที่ไหนพร้อมก็จะปลูกให้ทันที ส่วนพื้นที่ไหนปลูกไม่ได้ก็ต้องปลูกพืชระยะสั้นอื่นทดแทน นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดซื้อพันธุ์ปลาแจกจ่ายให้เกษตรกรที่มีบ่อปลาและแหล่งน้ำเลี้ยงปลาอยู่แล้วกว่า 5 หมื่นครัวเรือน ครัวเรือนละ 800 ตัว รวมถึงส่งเสริมเลี้ยงโคขุน และโคเนื้อส่งออกระยะสั้นและส่งเสริมการเลี้ยงแพะ สำหรับเงินชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์การชดเชยทั้งหมด จะเสนอนายกฯ เพื่อขอพิจารณาอัตราค่าชดเชยใหม่อีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลา 90 วัน เพื่อช่วยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติครั้งต่อไป

...

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงมีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ โดยในช่วงวันที่ 4-8 ต.ค. ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในบริเวณทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่แปรปรวนและอุณหภูมิที่ลดลงไว้ด้วย รวมถึงระมัดระวังลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว อาจทำให้ต้นไม้ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงหักโค่น ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกต่อเนื่อง มีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง พายุระดับ 4 (โซนร้อน) “มิแทก” บริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศจีนตอนบนคาดว่าจะเคลื่อนเข้าประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นตอนใต้ในวันที่ 2 ต.ค. สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย