ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวเปิดการสัมมนาเพื่อรับฟังและให้ข้อเสนอแนะรายงานการวิจัยสภาวการณ์และแนวโน้มการจัดการศึกษาเพื่อสนองความต้องการพัฒนาประเทศ ปี 2562 ว่า หลายปีที่ผ่านมาปัญหาการศึกษาไทยมีหลายเรื่องที่ยังไม่ได้แก้ไข ปัจจุบันโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษามีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะอัตราการเกิดมีจำนวนลดลง ทำให้จำนวนนักเรียนและโรงเรียนลดลง ดังนั้นจำเป็นต้องศึกษาสภาวการณ์และแนวโน้มการจัดการศึกษาเพื่อสนองความต้องการพัฒนาประเทศ เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการศึกษา เพื่อให้เด็กสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เลขาธิการ สกศ. กล่าวต่อไปว่า ผลจากการศึกษาสภาวการณ์และแนวโน้มการจัดการศึกษาเพื่อสนองความต้องการพัฒนาประเทศ ปี 2562 พบว่า 1.การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.ผู้เรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอย่างเท่าเทียม โดยผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาจากนโยบายเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาล 3.คุณภาพการศึกษาในปี 2561 ผลการทดสอบโอเน็ต ผลการประเมิน PISA ปี 2555 และ 2558 มีผลการประเมินลดลง ในขณะที่สถานศึกษากลับมีผลการประเมินคุณภาพภายนอกในรอบที่ 3 (ปี 2556-2558) ร้อยละ 83.47 สูงกว่าค่าเป้าหมายที่วางไว้ 4.ระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลงทุนทางการศึกษาที่คุ้มค่าและบรรลุเป้าหมาย (Efficiency)

ประสิทธิภาพการศึกษาต้องมองถึงระบบประกันคุณภาพ โดยเฉพาะสถานศึกษาขนาดเล็กที่ไม่มีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ มีบุคลากรไม่เพียงพอ ครูไม่ครบชั้น งบฯสนับสนุนรายหัวน้อย ฯลฯ เกณฑ์การประเมินภายนอกของ ร.ร.ขนาดเล็กปี 2557 ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 3.79 ปี 2558 ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 10.78 เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ 5.การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาของประเทศไทยมีอันดับที่ลดลง โดยหลังจากนี้ สกศ.จะนำข้อเสนอแนะที่ได้ไปปรับปรุงรายงานการวิจัยฯ ให้มีความครอบคลุมและมีเนื้อหาครบถ้วนก่อนนำเผยแพร่ต่อไป.

...