เมื่อปี 2545 มีผู้พบเก้งเผือกเพศผู้จากธรรมชาติที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ต่อมาได้นำขึ้นน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในขณะนั้น พระองค์โปรดเกล้าฯให้นำมาเลี้ยงไว้ยังสวนสัตว์ดุสิต
ตั้งชื่อให้เก้งเผือกตัวนี้ ว่า “เพชร” ถือเป็นเก้งเผือกพันธุ์แท้ที่หายากมากๆ เพราะมีม่านตาแดงเป็นตัวแรกและตัวเดียวของโลก... จนกลายเป็นต้นกำเนิดของเก้งเผือกหลายๆตัวในสวนสัตว์ไทยมาจวบจนปัจจุบัน
เก้งเผือกเหมือนเก้งธรรมดาทั่วไป แตกต่างกันตรงที่มีสีขาวปลอดทั้งตัว เก้งตัวผู้จะมีเขาสั้น ฐานเขายื่นยาวขึ้นไปเป็นแท่ง มีขนปกคลุม ส่วนปลายเขาสั้น แต่เป็นง่ามเล็กๆแค่สองง่าม ไม่แตกเป็นกิ่งก้านแบบกวาง ผลัดเขาปีละครั้ง และมีขนสีดำขึ้นตามแนวเขาจนดูเป็นรูปตัววีในภาษาอังกฤษ เมื่อมองด้านหน้าตรง
ส่วนตัวเมียไม่มีเขา แต่บนหน้ามีขนรูปตัววีเหมือนกัน
จะเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุประมาณ 1 ปีครึ่ง ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงฤดูหนาว ตั้งท้องนาน 6 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว อายุยืนราว 15 ปี
มีถิ่นอาศัยแพร่กระจายในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ ศรีลังกา อินเดีย จีนตอนใต้ พม่า ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย เกาะสุมาตรา เกาะชวา เกาะบอร์เนียว เกาะไหหลำ และหมู่เกาะซุนดา
ชอบอยู่ตามลำพังตัวเดียว หากินตอนเย็นถึงเช้าตรู่ กินหญ้า ใบไม้ และผลไม้ กลางวันหลบนอนตามพุ่มไม้ ปราดเปรียว เวลาตกใจจะส่งเสียงร้องดังคล้ายเสียงสุนัขเห่า
เป็นที่มาของชื่อภาษาอังกฤษ...Barking Deer.