สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจ มีการต่อสู้คดีกันถึงศาลฎีกา เกี่ยวกับการยืมรถของเพื่อนไปทำธุระ แต่ไม่ยอมคืน สุดท้ายเอารถไปจำนำคนอื่น ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นได้บ่อยในสังคมไทย สร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของรถเป็นอย่างมาก ซึ่งบางคนยังผ่อนชำระกับบริษัทไฟแนนซ์อยู่

เรื่องมีอยู่ว่า จำเลยขอยืมรถจักรยานยนต์ของ ช. ไปส่ง ส. แต่พอส่งเสร็จแล้ว กลับไม่นำรถจักรยานยนต์ไปคืน ช. แถมยังเอารถจักรยานยนต์ไปจำนำกับบุคคลภายนอก บริษัทไฟแนนซ์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ มีประเด็นที่น่าสนใจมีหลายอย่างครับ

ประเด็นแรก กรณีลักษณะนี้ มีความผิดในข้อหาลักทรัพย์ หรือยักยอกทรัพย์ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า แม้ว่ากรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์จะเป็นของบริษัทไฟแนนซ์ก็ตาม แต่ ช. ก็มีสิทธิ์ที่ครอบครองตามสัญญาเช่าซื้อ การที่ ช. อนุญาตให้จำเลยยืมรถจักรยานยนต์ ถึงเป็นการส่งมอบการครอบครองให้แก่จำเลยชั่วคราว เมื่อจำเลยไม่นำมาส่งมอบคืนให้แก่ ช. แต่กลับนำเอาไปจำนำกับบุคคลภายนอก กรณีนี้จึงถือเป็นการเบียดบังทรัพย์ของบริษัทไฟแนนซ์ จึงมีความผิดในข้อหายักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

...

ประเด็นที่ 2 คดีนี้ โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่า ได้ความจาก ส.ว่า จำเลยบอกว่า หลังจากจำเลยได้รถจักรยานยนต์แล้วนำไปขายทันที การขอยืมรถจึงเป็นอุบายที่จะได้รถจักรยานยนต์ไป ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงในส่วนนี้ว่า เป็นเพียงการคาดคะเนของโจทก์ ถึงเจตนารมณ์ของจำเลย ซึ่งไม่อาจนำมารับฟังเป็นผลร้ายว่า จำเลยมีเจตนาเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปตั้งแต่ต้น กรณีนี้จึงถือเป็นการเบียดบังทรัพย์ของบริษัทไฟแนนซ์ จึงมีความผิดในข้อหายักยอกทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์

ประเด็นที่ 3 เมื่อศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวนั้น เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และมีการชดใช้ค่าเสียหายกันจนเป็นที่พอใจแก่ผู้เสียหายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจะระงับหรือไม่

เมื่อคดียักยอกทรัพย์ เป็นความผิดอันยอมความกันได้ ประกอบกับจำเลยได้ชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้วไม่ติดใจเอาความดำเนินคดีกับจำเลย ย่อมทำให้สิทธินำคดีอาญาระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2)

เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8644/2561

สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์กับทุกท่านครับ การที่จะตัดสินใจส่งมอบรถให้แก่ใครยืมไปนั้น ควรจะคำนึงถึงปัญหาที่อาจจะติดตามมาในอนาคตด้วย ถ้าเพื่อนไม่นำรถมาคืนให้ ท่านจะทำอย่างไร หรือแม้แต่เพื่อนนำรถไปเฉี่ยวชนคนอื่น ท่านจะทำอย่างไร หรือถ้านำรถไปจำนำตามคดีตัวอย่างข้างต้น ท่านจะทำอย่างไร สุดท้ายท่านกับคนรอบข้างจะเดือดร้อนมากขนาดไหน “อย่าประมาทในการใช้ชีวิต”

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ หรือ Facebook: ทนายเจมส์ LK Instagram : james.lk