นายกฯนำคณะลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม จ. พิษณุโลก และ จ.สุโขทัย เผยในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงรับสั่งให้ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด อธิบดีกรมอุตุฯแจงพายุดีเปรสชัน “คาจิกิ” วกกลับเข้าเวียดนาม แต่ยังทำให้ไทยมีฝนตกหนักหลายจังหวัด ล่าสุดที่กาฬสินธุ์ฝนกระหน่ำทั่วจังหวัด ลำน้ำปาวเพิ่มขึ้นอีก 14 ซม. เอ่อท่วมนาข้าวเสียหาย ด้านเขื่อนวังยางเตือน 4 อำเภอ จ.มหาสารคาม เฝ้าระวังน้ำชีล้นตลิ่ง สุโขทัยป่วนน้ำเซาะพนังแตกท่วมตัวเมืองหลายจุด
ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังเผชิญกับอุทกภัย หลังได้รับอิทธิพลจากพายุ “โพดุล” พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง ทำให้ฝนตกหนัก น้ำไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ล่าสุดพายุลูกใหม่ “คาจิกิ” เคลื่อนตัวจากประเทศลาวเข้าถล่มซ้ำอีกระลอก ทำให้ชาวบ้านยังคงทุกข์ระทมต่อไป

เมืองน้ำดำอ่วม–ลำน้ำปาวล้น
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกกระจายทั่วจังหวัด ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลำน้ำปาวบริเวณสะพาน อ.กมลาไสย พบว่าน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก 14 ซม. หรือมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 398 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านติดลำน้ำ รวมถึงท่วมนาข้าวเป็นบริเวณกว้าง กระแสน้ำไหลเชี่ยวไปบรรจบลำน้ำชีที่ อ.ร่องคำ ทำให้พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำถูกน้ำท่วมสูงขึ้น ขณะที่ชาวบ้านยังคงอาศัยอยู่ตามศูนย์อพยพต่างๆบางพื้นที่ต้องนอนเต็นท์ที่ทางราชการจัดเตรียมไว้เป็นที่หลับนอน ท่ามกลางฝนตกและสภาพอากาศเริ่มหนาวเย็น
...
“คาจิกิ” ทำฝนตกซ้ำนาข้าวล่ม
ด้านนางเฉลิมขวัญ สุริยวนากุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมคุณภาพชีวิต องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ อ.ฆ้องชัย พร้อมส่งเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว 4 เครื่องไปช่วยสูบน้ำจากหมู่บ้านที่น้ำท่วมสูง และนำเครื่องจักรกลหนักไปเปิดทางน้ำพร้อมกระสอบทรายป้องกันการล้นทะลักของมวลน้ำที่จะเข้าหมู่บ้าน ด้านนายธงชัย สอนเสนา นายก อบต.ลำชี อ.ฆ้องชัย เผยว่า จากอิทธิพลของพายุโพดุลต่อเนื่องมาถึงพายุคาจิกิ ทำให้มีน้ำท่วมขังพื้นที่นาข้าวเสียหายอย่างสิ้นเชิงไปแล้ว 8,000 ไร่ ขณะนี้กำลังเร่งสูบน้ำโดยใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ด้วยไฟฟ้าที่จุดสูบน้ำกุดขี้นาค ต.ลำชี ออกสู่ลำน้ำชีเพื่อลดระดับ น้ำช่วยเหลือชาวนาไม่ให้น้ำขยายวงกว้างออกไปอีก
เขื่อนวังยางน้ำเกินพิกัด 168%
นายพัฒนะ พลศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 (เขื่อนวังยาง) โครงการชีกลาง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์ลำน้ำชีที่เขื่อนวังยาง ระดับน้ำหน้าเขื่อน 138.70 ม.รทก. เพิ่มสูงขึ้น 0.54 ม. ระดับน้ำท้ายเขื่อน 138.70 ม.รทก. เพิ่มขึ้น 0.54 ม. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 56.65 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 168 ของความจุที่ 33 ล้าน ลบ.ม. เจ้าหน้าที่เปิดแขวนบานประตูทั้ง 6 บาน ระบายน้ำ 721.44 ลบ.ม/วินาที แต่ระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 2-3 ซม.ต่อ ชม. เหลืออีก 28 ซม. จะเข้าสู่ระดับวิกฤติที่ 139.00 ม.รทก. และคาดว่าจะเข้าสู่วิกฤติติดธงแดงเวลา 18.00 น.ของวันนี้ จึงขอแจ้งเตือนประชาชนพื้นที่ตอนล่างที่อยู่ติดลํานํ้าชี 4 อำเภอของ จ.มหาสารคาม ระยะทาง 125 กม.ไล่ตั้งแต่ อ.เมืองมหาสารคาม อ.โกสุมพิสัย อ.เชียงยืน และ อ.กันทรวิชัย เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วม
เสลภูมิท่วม 9 ตำบล 93 หมู่บ้าน
จ.ร้อยเอ็ด น้ำป่าจากเทือกเขาภูพานด้าน อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ลงสู่ลำน้ำยังและแม่น้ำชี ประกอบกับวันนี้ยังคงมีฝนตกเป็นระยะๆ ส่งผลให้พนังกั้นลำน้ำยังตอนบนพื้นที่ ต.วังหลวง และ ต.นาแซง อ.เสลภูมิ ถูกน้ำเซาะแตกถึง 5 จุด ทำให้น้ำไหลท่วมเป็นบริเวณกว้าง ขณะนี้น้ำตอนเหนือลดระดับลงบ้างก่อนไหลไปรวมพื้นที่ตอนใต้ใน ต.นาเลิง ต.ขวาว และ ต.นางาม อ.เสลภูมิ เป็นพื้นที่รับน้ำปลายทาง ก่อนไหลลงสู่ลำน้ำชีที่บ้านโพธิ์ตาก ต.นางาม ทำให้น้ำระบายได้ช้าจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 3 ตำบล ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำได้รับความเดือดร้อน ถนนถูกน้ำท่วมเป็นจุดๆ รถเล็กสัญจรลำบาก อย่างไร ก็ตาม ขณะนี้มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมไปแล้ว 9 ตำบลรวม 93 หมู่บ้าน

น้ำทะลักท่วมธาตุก่องข้าวน้อย
จ.ยโสธร ลำน้ำชีเอ่อล้นพนังกั้นน้ำบริเวณจุดหลังวัดอัมพวัน เขตเทศบาลเมืองยโสธร น้ำไหลบ่าข้ามถนนเข้าท่วมชุมชนอยู่ดีมีแฮงและชุมชนบ้านใหม่สูงประมาณ 20-50 ซม. และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่เร่งขนย้ายบิ๊กแบ็กมาปิดกั้นเพื่อไม่ให้น้ำชีไหลเข้าภายในเขตเทศบาล ขณะที่บริเวณถนนเลี่ยงเมืองถูกน้ำท่วมรถเล็กสัญจรไม่ได้ ส่วนที่ธาตุก่องข้าวน้อย อ.เมืองยโสธร โบราณสถานสำคัญของจังหวัดที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายถูกน้ำท่วมสูง เจ้าหน้าที่ต้องนำกระสอบทรายมากั้นรอบองค์ธาตุและนำเครื่องสูบน้ำมาระบายออกป้องกันฐานองค์ธาตุทรุดตัว เช่นเดียวกับที่วิมานพญาแถน เขตเทศบาลเมืองยโสธร แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งถูกลำน้ำทวนเอ่อล้นตลิ่งท่วมพญานาคและลานวิมานพญาแถนสูงถึง 40 ซม.
...
ปิดประตูน้ำป้องเทศบาลอุดรฯ
ที่ จ.อุดรธานี น้ำในลำห้วยหลวงไหลผ่าน อ.เมืองอุดรธานี ที่มีแนวโน้มลดลงกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดฝนตกลงมาซ้ำที่ประตูน้ำบ้านสามพร้าว ต.สามพร้าว น้ำสูงขึ้นอีก 10 ซม.จนล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนบ้านหนองลี่หู หมู่ 11 ต.สามพร้าว ชาวบ้านเดือดร้อน 29 หลัง เจ้าหน้าที่เทศบาลนครอุดรธานีปิดประตูน้ำปากห้วยหมากแข้ง ป้องกันน้ำไม่ให้ไหลย้อนเข้าตัวเมืองและเริ่มเดินเครื่องสูบน้ำทั้ง 14 สถานี เพื่อสูบน้ำออกจากที่ลุ่มต่ำจากแก้มลิง และสูบน้ำออกนอกเมือง เช่น สถานีสูบน้ำห้วยหมากแข้ง, สถานีห้วยมั่ง, สถานีคลองขนานทางรถไฟ, สถานีสำนักจัดหางาน, สถานีสูบน้ำชุมชนดงวัด และสถานีสูบน้ำคลองขี้ส่า ถ้าสูบพร้อมกันจะระบายน้ำได้วันละ 3 ล้าน ลบ.ม.
ร.ร.ประกาศปิดเรียนหนีน้ำป่า
จ.ศรีสะเกษ ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ทำให้น้ำท่วมขังเขตเทศบาลตำบลกันทรารมย์ ถนนพิชิตรังสรรค์ น้ำสูงประมาณ 30-40 ซม. รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ถนนด้านหลังโรงเรียนกันทรารมย์น้ำสูง 30 ซม. เอ่อท่วมโรงเรียนเข้าใต้ถุนอาคารเรียนจนต้องประกาศปิดเรียนเป็นเวลา 1 วัน ขณะที่น้ำป่าเทือกเขาพนมดงรักไหลท่วมพื้นที่ราบ อ.กันทรลักษ์ และ อ.ขุนหาญ ถนนทางหลวง 2335 บ้านโคกเจริญ หมู่ 6 ต.ละลาย อ.กันทรลักษ์ น้ำท่วมกว่า 30 ซม. และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนโรงเรียนบ้านสำโรงเกียรติ โรงเรียนบ้านสิ และโรงเรียนบ้าน-ศิวลัย อ.ขุนหาญ น้ำท่วมต้องหยุดเรียนชั่วคราว

...
เขื่อนสิรินธรปล่อยน้ำลดเสี่ยง
จ.อุบลราชธานี เกิดฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงวันที่ 4 ก.ย. ส่งผลให้แม่น้ำมูล ณ สถานีวัดน้ำ M7 (สะพานเสรีประชาธิปไตย) วัดได้ที่ 112.18 ม.รทก. เพิ่มขึ้นจากวันที่ 3 ก.ย. ถึง 1 เมตร สูงกว่าตลิ่ง ที่ 112 ม.รทก. น้ำเริ่มล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี และเทศบาลเมืองวารินชำราบบางส่วนแล้ว ด้านนายธนภัทร ฉัตรสุวรรณ หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี เผยว่า พายุโซนร้อนโพดุลและคาจิกิ ส่งผลให้น้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ย. น้ำในอ่างอยู่ 1,505.37 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 76.55% ของความจุ ยังรับน้ำได้ 461.10 ล้าน ลบ.ม. แต่ก็มีความเสี่ยงที่น้ำจะสูงเกินกว่าระดับกักเก็บ จึงจำเป็นต้องระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ลำน้ำเซบกท่วมบ้านสูงกว่า 1 ม.
ส่วนที่บ้านท่าบ่อแบง ต.ขามเปี้ย อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ถูกลำน้ำเซบกไหลเอ่อเข้าท่วมสะพานลำเซบกถนนสายอุบลราชธานี-ตระการพืชผล บ้านท่าบ่อแบง ไม่สามารถสัญจรได้ บ้านเรือนมีน้ำท่วมกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องขนข้าวของไปไว้บนชั้นสองและทรัพย์สินบางส่วนนำไปฝากไว้ที่บ้านญาติ ส่วนการเดินทางเข้าออกหมู่บ้านต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว โดยมีหน่วยงานต่างๆ นำเครื่องอุปโภค บริโภคไปแจกจ่ายถึงบ้าน ด้านนายสมมาฎฐ์โพธิ นายอำเภอตระการพืชผล เผยว่า ลำน้ำเซบกไหลท่วมไปแล้ว 4 ตำบล 7 หมู่บ้าน 332 ครัวเรือน พื้นที่เกษตร 17,824 ไร่ สัตว์เลี้ยงกว่า 300 ตัว
ลุ่มน้ำชียังรองรับน้ำได้อีกมาก
สายวันเดียวกัน นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการชลประทานที่ 6 ขอนแก่น ลงพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย เพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนกลาง หลังพบว่าพื้นที่รับน้ำหลายแห่งมีน้ำเพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนตั้งแต่พายุโพดุล พายุเหล่งเหล่ง และพายุคาจิกิ นายศักดิ์ศิริเผยว่า พายุทั้ง 3 ลูกที่พาดผ่านประเทศไทย ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และแหล่งน้ำสาธารณะจำนวนมาก ล่าสุดพบว่าเขื่อนจุฬาภรณ์มีน้ำร้อยละ 29 เขื่อนอุบลรัตน์ร้อยละ 24 และเขื่อนลำปาวมีน้ำกักเก็บร้อยละ 52 ดังนั้นแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำชีตั้งแต่ จ.ชัยภูมิ ยังคงสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีกมาก
...

นายกฯ เผย ร.10 รับสั่งดูแล ปชช.
ส่วนที่ จ.พิษณุโลก เวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะเดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วมพร้อมเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องที่ศาลากลางจังหวัดและเป็นประธานประชุมร่วม 17 ผวจ.ภาคเหนือที่ห้องสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสร็จแล้วนายกฯ ไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมและแจกถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่บ้านดงพลวง หมู่ 7 ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พล.อ.ประยุทธ์เผยว่า เรื่องพื้นที่กักเก็บน้ำให้หาแนวทางคุยเอกชนเพื่อขอความร่วมมือจัดพื้นที่กักเก็บน้ำโครงการต่างๆ โดยเฉพาะในลุ่มน้ำยมพื้นที่ จ.พิษณุโลก และ จ.สุโขทัย หากโครงการใหญ่ดำเนินการยากให้เร่งทำโครงการเล็กไปก่อน เพื่อให้ได้ประโยชน์ในภาพรวม “ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงและมีพระราชกระแสรับสั่งมาโดยตลอด ให้ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด” ทั้งนี้หลังจากนายกฯ เยี่ยมราษฎรใน ต.วังพิกุล แล้วได้เดินทางไปดูประตูระบายน้ำแม่น้ำยม (บ้านหาดสะพานจันทร์) ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
เร่งซ่อมพนังกู้นาข้าวหมื่นไร่
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.วัดตายม และ ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ขยายวงกว้างหลังน้ำจากคลองชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ไหลลงคลองเนินกุ่มเซาะพนังกั้นน้ำพังทลายถึง 3 จุด แยกเป็นในพื้นที่หมู่ 1 ต.วัดตายม 2 จุด และหมู่ 1 ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม อีก 1 จุด น้ำไหลท่วมบ้านและพื้นที่นาข้าวเสียหายกว่า 1 หมื่นไร่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ร่วมกับชาวบ้านช่วยกันซ่อมพนังเพื่อป้องกันนาข้าวเสียหาย นางวิรัตน์ ใจซื่อ กำนันตำบลเนินกุ่ม กล่าวว่า หลายฝ่ายช่วยกันซ่อมพนังที่พังทลาย ตอนนี้ซ่อมได้แล้ว 1 จุด ยังเหลืออยู่ 2 จุด ต้องเร่งซ่อมโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยไว้จะเสียหายไปมากกว่านี้
สุโขทัยป่วนน้ำท่วมหลายจุด
ส่วนสถานการณ์แม่น้ำยมล้นแนวพนังกั้นน้ำหลายจุดในเขต อ.เมืองสุโขทัย โดยเฉพาะถนนนิกรเกษม และถนนประเวศนคร ต.ธานี หลังชลประทานเร่งระบายน้ำจากประตูน้ำหาดสะพานจันทร์ ต.ในเมือง อ.สวรรคโลก เพื่อรองรับมวลน้ำใหม่จาก จ.แพร่ ล่าสุดช่วงเวลา 09.00 น. จุดวัดน้ำ Y4 หน้าจวนผู้ว่าฯสุโขทัยวัดได้ 7.58 เมตร เกินจุดวิกฤติ 7.40 เมตร ล้นแนวพนังกั้นน้ำเข้าท่วมหน้าศาลากลางจังหวัด เป็นที่ตั้งสถานที่ราชการหลายแห่ง วัดศรีเสวตวนารามที่อยู่ติดแม่น้ำถูกน้ำท่วม 20 ซม. ขณะที่พนังกั้นแม่ยมหลังโรงเบียร์ซอยเทศบาลดำริห์ 8 ชุมชนวังหิน ต.ธานี ที่มีความสูง 1.80 เมตร ถูกน้ำซัดจนพังเป็นระยะทางกว่า 30 เมตร ทำให้น้ำท่วมชุมชนกว่า 600 หลังคาเรือน ขณะที่ชาวบ้านหมู่ 2 ต.ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง ช่วยกันนำกระสอบทรายมาเสริมแนวพนังกั้นแม่น้ำยมแต่เอาไม่อยู่ เนื่องจากน้ำไหลแรงเซาะพนังพังทลายและมีน้ำผุดด้านใต้กว่า 1 เมตร เข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านอย่างรวดเร็ว
เตือน ปชช.ระวังแม่น้ำวังล้นตลิ่ง
ด้านนายบรรจง ขุนเพชร นายอำเภอสามเงา จ.ตาก ออกประกาศเตือนประชาชนริมแม่น้ำวัง 3 ตำบล ได้แก่ ต.ยกกระบัตร, ต.วังจันทร์ และ ต.วังหมัน ให้เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง หลังมีน้ำจาก จ.ลำปาง ไหลมาในอัตรา 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นายดุสิต แสงสุคนธ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานตาก เผยว่า เช้านี้น้ำใน จ.ลำปางไหลเข้าสู่ จ.ตาก แต่เนื่องจากเป็นน้ำแรกปริมาณน้ำที่ไหลจะไหลย้อนไปตามลำห้วยธรรมชาติช่วยหน่วงไว้และเข้าไปเก็บตามลำน้ำสาขาอื่นๆ และมีฝายในเขต จ.ลำปางเป็นตัวชะลอการไหล จึงทำให้น้ำไหลเข้าสู่ จ.ตาก น้อยลงกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกหน่วยงานแจ้งเตือนประชาชนไว้ล่วงหน้าจนกว่าน้ำ จ.ลำปางจะลดเหลือ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
แจง “คาจิกิ” วกกลับสู่เวียดนาม
นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า หลังจากช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ย.พายุโซนร้อน “คาจิกิ” อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน บริเวณเมืองสาละวัน ประเทศลาว และเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนวกกลับเข้าสู่ประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ตามลำดับ ล่าสุดเวลา 04.00 น. วันที่ 4 ก.ย. พายุดีเปรสชัน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางพายุอยู่ที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนทางตะวันออกเล็กน้อยอย่างช้าๆ ออกห่างจากประเทศเวียดนามเข้าสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในระยะต่อไป
เตือนหลายจังหวัดฝนตกหนัก
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า ขณะเดียวกันร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พายุดีเปรสชัน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรงต่อเนื่อง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ราชบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา และภูเก็ต ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศเวียดนามและประเทศจีนตอนใต้ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย