รู้สึกดีใจแทนเกษตรกรกับนโยบายของ อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ที่จะขับเคลื่อนสมุนไพรไทยให้กลายเป็นตัวสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ พร้อมกับผลักดันให้ก้าวสู่ระดับโลก
เพราะปัจจุบันตลาดสมุนไพรโลกมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเวชสำอางมีการขยายตัวและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ปี 2561 ไทยมีการบริโภคสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ มูลค่าสูงถึง 280,168 ล้านบาท ส่งออกได้ 2,241 ล้านบาท ถูกจัดให้มีอัตราการเติบโตสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก
นโยบายการพัฒนาสมุนไพรไทยสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล ตามโครงการนำสมุนไพรไทยคุณภาพสู่ตลาดโลก (Thailand KISS the World) มีการรวบรวมหลายหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชนเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าภายใน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จากัด ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
มีแค่คนควบคุมกับคนขาย แต่ไร้คนผลิต ไร้คนออกใบอนุญาตเข้ามาร่วมขบวนด้วย...ไม่มีเกษตรกรร่วมแล้วจะเอาวัตถุดิบที่ไหนไม่มี อย. ออกใบอนุญาตแล้วจะผลิตได้อย่างไร
แต่กลับใช้ประโยค “รัฐบาลมอบให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนกลางร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาพืชสมุนไพรไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางให้เป็นที่ยอมรับ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการบริโภค 1 เท่าตัว จาก 180,000 ล้านบาท เป็น 360,000 ล้านบาท และเป็นผู้นำการส่งออกสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน”
เกษตรกรหัวก้าวหน้า ผู้ผลิตแปรรูปสมุนไพร นักวิจัย สตาร์ตอัพรู้ฤทธิ์เดช อย.ดี วิจัยได้ผลิตออกมา เดี๋ยวติดโน่นนั่นนี่ ติดบัญชียาใหม่บ้าง ยาแผนปัจจุบันบ้าง แม้จะมีงานวิจัยรองรับสุดท้ายก็ผลิตออกมาขายไม่ได้ หลายรายต้องหนีไปขึ้นทะเบียนประเทศอื่น แล้วนำเข้ากลับมาขายให้คนไทยอีกที
...
ไม่เชื่อไปเปิดเอกสารรายงานเก่าๆดูสิท่าน หรือไปถามคนทำกวาวเครือ หมามุ่ย ดูก็ได้.
สะ–เล–เต