บ่อยครั้งที่การวิจัยมักสันนิษฐานว่าขณะที่ระดับน้ำทะเลอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทว่าสภาพคลื่นยังคงเหมือนเดิม แต่ข้อสันนิษฐานเดียวกันนี้ เมื่อนำไปใช้กับการพิจารณาว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะมีผลต่อแนวชายฝั่งในอนาคตอย่างไร ก็พบว่ามีการส่งผลกระทบไม่น้อยไปกว่าการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเลย
เมื่อเร็วๆนี้มีงานวิจัยของนักวิจัยนานาชาติรายงานลงวารสารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศธรรมชาติ (Nature Climate Change) เผยว่าการที่โลกร้อนขึ้นจะเปลี่ยนคลื่นทะเลตามแนวชายฝั่งของโลกมากกว่า 50% และหากภูมิอากาศอุ่นมากกว่า 2 องศาเซลเซียส ซึ่งมากกว่าระดับก่อนอุตสาหกรรม ก็มีแนวโน้มที่จะเห็นทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียมีคลื่นทะเลที่ยาวขึ้นและแข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนเสถียรภาพของแนวชายฝั่ง ทั้งนี้ คลื่นถูกสร้างขึ้นโดยลมที่พื้นผิว ซึ่งสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงจะผลักดันการปรับเปลี่ยนรูปแบบของลมทั่วโลก ในทางกลับกันก็จะเปลี่ยนรูปแบบฝน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของลมเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการเกิดคลื่นทะเลทั่วโลกเช่นกัน
การวิจัยล่าสุดจากการวิเคราะห์ในระยะเวลา 33 ปี ของการบันทึกข้อมูลลมและคลื่นที่ตรวจวัดด้วยดาวเทียมพบว่า ความเร็วลมเฉลี่ยสูงขึ้น 1.5 เมตรต่อวินาที และความสูงของคลื่นเพิ่มขึ้น 30 เซนติเมตร และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เห็นได้เด่นชัดที่สุดในมหาสมุทรทางใต้.