หนังสือร้องเรียนของ พล.ต.อ.นเรศ นันทโชติ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ในการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา

หนังสือระบุว่า พล.ต.อ.นเรศมีสิทธิขึ้นรอง ผบ.ตร.ตั้งแต่ปี 2559 ถ้ากฎการแต่งตั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะแต่ก่อนการแต่งตั้งระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ถึง รอง ผบ.ตร.ใช้หลักอาวุโสเท่านั้น ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงกฎ การแต่งตั้งระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ถึงรอง ผบ.ตร.ให้ใช้หลักอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์

เหมือนตำแหน่งอื่นๆ

ทำให้ พล.ต.อ.นเรศ ที่มีอาวุโส 5 ในตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.ในขณะนั้นไม่ได้รับการแต่งตั้ง ทั้งที่ในปี 2559 ระดับรอง ผบ.ตร.ว่างถึง 6 ตำแหน่ง ถ้าเป็นกฎเดิมคงได้เลื่อนสูงขึ้น

ทำให้ปี 2560 และ 2561 พล.ต.อ.นเรศ มีอาวุโส อันดับ 1 ของระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ถึง 2 ปีซ้อน แต่ก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรอง ผบ.ตร.

หนำซ้ำปี 2562 ได้กำหนดกฎการแต่งตั้งใหม่ คือ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 กำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมให้แต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. โดยให้คัดเลือกจากผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีขึ้นไป และเหลือเวลาราชการไม่เกิน 6 เดือน

พล.ต.อ.นเรศถูกเสนอชื่อเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ตร. โดยยกเว้นเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ เนื่องจาก พล.ต.อ.นเรศมีอายุราชการเกินกว่า 1 ปี และอายุยังไม่ถึง 59 ปี โดย พล.ต.อ.นเรศ ไม่มีความประสงค์

และสมัครใจเข้าสู่ตำแหน่ง

แม้ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษจะมีศักดิ์เทียบเท่า พล.ต.อ.แต่ก็ไม่มีสิทธิเท่ารอง ผบ.ตร.หรือ จตช. โดยที่ สตร. ไม่มีความจำเป็นให้ พล.ต.อ.นเรศ เป็นที่ปรึกษาพิเศษในเดือน เม.ย.ปี 2562 เนื่องจากในเดือน เม.ย.2563 พล.ต.อ.นเรศได้ดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ตามสิทธิอยู่แล้ว

...

พล.ต.อ.นเรศ ร้องขอความเป็นธรรม ขอให้รับการเยียวยาแต่งตั้งเป็นรอง ผบ.ตร.ในวาระปี 2562

ก่อนประชุม ก.ตร. วันที่ 29 ส.ค. ซึ่งคำร้องไม่ได้มีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้าย “โผนายพล” สะท้อนให้เห็นว่า “วังวน” โยกย้ายตำรวจ เป็นเหมือนที่หลายคนพูดกันว่าเป็นยุคใคร ยุคมัน เด็กใคร เด็กมัน ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เป็นการช่วงชิงความได้เปรียบ คนที่ข้อมูลมากกว่า ฉลาดกว่าย่อมอยู่เหนือคนอื่น

หากพิจารณาอาวุโส ความรู้ ความสามารถของ พล.ต.อ.นเรศ ตามหนังสือร้องเรียน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มีสิทธิขึ้นตำแหน่งสูงขึ้น เป็นคำถามที่สังคมรอคำตอบ ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ

ที่นายกฯบอกว่า ต้องโปร่งใส เป็นธรรม.

“เพลิงพยัคฆ์”