ปัญหาการจ่ายยาของโรงพยาบาลกมลาไสย ได้บานปลายนอกจากทำให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ ไม่ได้รับการจัดสรรยาแล้ว ยังกระทบผู้ป่วยหลายรายไม่มียากิน ต้องไปยืมยาเพื่อนบ้านที่ป่วยโรคเดียวกันมากิน ไม่ให้อาการกำเริบ โดยไม่รู้เลยว่าอันตรายมากๆ

ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญ ออกมาเตือนอย่างสม่ำเสมอถึงอันตรายในการนำยาคนในครอบครัว หรือนำยาคนอื่นมากิน ซึ่งการรักษาอาการเจ็บป่วยต้อง "ยาใครยามัน" จะกินยาคนอื่นไม่ได้ จะด้วยความเอื้อเฟื้อของเพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน หรือคนในบ้านหยิบยื่นยาให้ แม้มีโรคและอาการคล้ายกันก็ตาม แต่จะนำไปสู่ความเสี่ยงเกิดโทษมหันต์เป็นอันตราย เพราะใช้ยาไม่ถูกต้อง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่างยาบางชนิดห้ามใช้ในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ยาแอสไพริน ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคหอบหืด

อีกทั้งผู้ป่วยแต่ละคนมีการแพ้ยาต่างกัน อาจเป็นอันตรายถึงตายได้ รวมถึงแต่ละคนมีน้ำหนัก เชื้อชาติ ต่างกัน ยาบางชนิดดูดซึมและมีผลข้างเคียงของยา โดยขึ้นอยู่กับสีผิวหรือเชื้อชาติด้วย จึงมีผลวิจัยพบว่าบางคนกินยาบางชนิด ได้ผลการรักษาปกติ ไม่มีผลข้างเคียง แต่บางคนระดับยาสูงเกินไป จนเป็นพิษและอันตรายจากผลข้างเคียง หรือบางคนกินยาสมุนไพรหรืออาหารเสริมอื่น ๆ ต่างกัน จะส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา อาจมีทั้งเสริมฤทธิ์ หรือต้านฤทธิ์ จะไม่เกิดผลการรักษา หรือเกิดผลข้างเคียงได้

ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง กรณีชาวบ้านอำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เรียกร้องให้มีการขับไล่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ออกจากพื้นที่ เพราะไม่อนุมัติให้โรงพยาบาลกมลาไสย จัดซื้อยา จนผู้ป่วยโดยเฉพาะโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันไม่มียา จนต้องไปยืมยาจากเพื่อนบ้านมากิน ว่า ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ และจะรายงานผลให้ทราบในวันที่ 6 ส.ค.นี้ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ทราบแล้ว ซึ่งได้กำชับให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไป ตรงมา และอย่าให้ประชาชนเดือดร้อน

...

ขณะที่อ.อนุภาพ ปิติรัตนวรนาท อาจารย์ประจำภาคเภสัชกรรมปฏิบัติเฉพาะทาง มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ว่า โรคเบาหวานและความดัน เป็นกลุ่มโรคเรื้อรัง ซึ่งทางแพทย์จะเลือกใช้ยาให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน บางคนมีโรคความดันและเบาหวาน หรือโรคไตร่วมด้วย จะมีการจัดยาอีกอย่าง หรือบางคนมีภาวะผลข้างเคียง หากกินยาไม่ถูกต้อง หรือกินยาเกินขนาด จึงไม่ควรยืมยามากิน ซึ่งอันตรายมาก หากกินเข้าไปอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด กรณีควบคุมน้ำตาลได้ยาก จึงต้องกินยาบางตัวเพื่อลดน้ำตาล

“เมื่อได้ยามาจากหมอ ต้องยาใครยามัน เพราะยาบางตัวเหมาะสำหรับแต่ละคนเท่านั้น เป็นการรักษาโรคเฉพาะบุคคล จึงใช้ยาคนละแบบ คนละชนิด และปริมาณ ตามความรุนแรงของโรค ไม่ควรหยิบยืมยาเพื่อนบ้านมากิน อาจทำให้เพื่อนบ้านไม่มียาพอกินด้วย อีกอย่างการยืมยามากินกันเอง ไม่มีใครรู้ว่าผิดกฎหมาย หากเป็นยาอันตราย จะตีความเข้าข่ายการขาย จากน้ำใจที่มีให้กันตามนิสัยคนไทยในการช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ทั้งๆ ที่เรื่องยาเป็นของส่วนบุคคล เหมือนการยื่นยาผิดให้กิน ใช้ยาไม่ถูกต้อง เพราะบางคนแพ้ยาบางกลุ่ม อาจอันตรายถึงตายได้”.